สมาร์ทโฟนเทคโนโลยี

รวมสินค้า Apple ตกรุ่น ที่ไม่ควรซื้อเด็ดขาด หลังไอโฟน 16 เปิดตัว 9 ก.ย. นี้

มัดรวม 8 สินค้าจากค่าย Apple ที่จะตกรุ่นและไม่ควรซื้อเด็ดขาด หลังจากที่ไอโฟน 16 เปิดตัว ในวันที่ 9 กันยายน 2567 พร้อมเปิดฟังก์ชัน-ราคา และทำไมถึงไม่ควรซื้อ

ใกล้เข้ามาแล้ว สำหรับงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากค่าย Apple อย่างไอโฟน 16 (iPhone 16) ซึ่งมีประกาศออกมาแล้วว่าจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2567 และหลังจากงานเปิดตัว iPhone 16 ที่ทุกคนรอคอย สินค้า Apple หลายรุ่นก็อาจจะกลายเป็น “ของตกรุ่น” ที่ไม่คุ้มค่าที่จะซื้ออีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นในส่วนฟีเจอร์ที่จำกัด ราคาที่ไม่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งอาจจะทำให้คุณพลาดประสบการณ์ที่ดีที่สุดจาก Apple ด้วย

Advertisements

ในบทความนี้ ทีมงานไทยเกอร์จะพาทุกท่านไปดูกันว่ามีสินค้า Apple ใดบ้างที่จะกลายเป็นสินค้าตกรุ่น และไม่ควรซื้อหลังจากนี้ พร้อมเผยรายละเอียดฟังก์ชัน และราคาล่าสุดในไทย

1. iPhone 15 Series

แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงการเปิดตัวรุ่นใหม่ สมาร์ทโฟนตระกูล 15 ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ก็จะกลายเป็นสินค้าตกรุ่นในทันที ประกอบกับธรรมเนียมของค่ายแอปเปิ้ลที่มักจะเลิกผลิต iPhone เรือธงรุ่นก่อนหน้าหลังเปิดตัวได้เพียงปีเดียว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะทั้งสองรุ่นมีคล้ายคลึงกัน

  • ฟังก์ชันโดดเด่นใน iPhone 15 Series : iPhone 15 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่มาพร้อมชิป A16 Bionic, กล้องคุณภาพสูง, และหน้าจอ Super Retina XDR
  • ราคาไทย : เริ่มต้น 32,900 บาท (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ apple ณ วันที่ 6 กันยายน 2567)
  • เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ : เมื่อ iPhone 16 เปิดตัว iPhone 15 Series จะกลายเป็นรุ่นเก่า ซึ่งเทคโนโลยีและฟีเจอร์ต่าง ๆ จะด้อยกว่ารุ่นใหม่ อีกทั้งราคาก็อาจจะลดลงไม่มากนักเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้รับ
iPhone 15 Series
ภาพจาก : apple

2. iPhone 14 Plus

iPhone 14 Plus ถือเป็น iPhone ขนาดใหญ่รุ่นแรกของ Apple ซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานเช่นเดียวกับ iPhone รุ่น Pro Max เพียงแต่มาในราคาที่ถูกกว่า และบางฟีเจอร์ก็ด้อยกว่า นอกจากนี้ iPhone 14 Plus ยังเป็นการกลับมาอีกครั้งของรุ่น “Plus” นับตั้งแต่มีรุ่นสุดท้ายคือ iPhone 8 Plus ในปี 2017 แต่ถึงเช่นนั้น iPhone 14 Plus ก็นับเปิดตัวมานานพอสมควรแล้ว

  • ฟังก์ชัน : iPhone รุ่นเรือธงของปี 2022 ที่มาพร้อมชิป A15 Bionic, กล้องคู่ 12MP และหน้าจอ Super Retina XDR
  • ราคาไทย : เริ่มต้นที่ประมาณ 32,900 บาท (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ apple ณ วันที่ 6 กันยายน 2567)
  • เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ : ถึงแม้ iPhone 14 จะยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพที่ดี แต่ด้วยการมาของ iPhone 16 ที่มีชิปประมวลผลที่เร็วกว่า กล้องที่ดีขึ้น และฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากมาย ส่งผลให้ iPhone 14 ตามหลังอยู่มาก
iPhone 14 Plus
ภาพจาก : studio7thailand

3. iPhone 14

ด้วยความที่ iPhone 14 เปิดตัวพร้อมกันกับ iPhone 14 Plus เมื่อปี 2022 ดังนั้นฟีเจอร์หลาย ๆ อย่างบนไอโฟนรุ่นนี้จึงตามหลังกับรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวอยู่พอสมควร

  • ฟังก์ชัน : เป็น iPhone รุ่นเรือธงของปี 2022 มาพร้อมชิป A15 Bionic, กล้องคู่ 12MP และหน้าจอ Super Retina XDR
  • ราคาไทย : เริ่มต้นที่ประมาณ 29,900 บาท (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ apple ณ วันที่ 6 กันยายน 2567)
  • เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ : ถึงแม้ iPhone 14 จะยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพที่ดี แต่ด้วยการมาของ iPhone 16 ที่มีชิปประมวลผลที่รวดเร็วกว่า กล้องที่ดีขึ้น และฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากมาย ไอโฟนรุ่นนี้จึงไม่คุ้มค่าที่จะซื้อ
iPhone 14
ภาพจาก : studio7thailand

4. iPhone 13

iPhone 13 เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2021 ทำให้ตอนนี้ถือว่าตกรุ่นไปแล้วถึง 2 รุ่น เมื่อเทียบกับ iPhone 15 ที่เพิ่งเปิดตัว และเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่กว่า iPhone 13 ยังคงตามหลังอยู่มาก ทั้งยังไม่สามารถอัปเดตซอฟ์ตแวร์ไปได้ไกลมากพอ ส่งผลให้ผู้ใช้งานอาจพลาดฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในอนาคต

Advertisements
  • ฟังก์ชัน : มาพร้อมกับชิปประมวลผล A15 Bionic, กล้องคู่ 12MP และหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว
  • ราคาไทย : เริ่มต้นที่ประมาณ 20,200 บาท (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ ais ณ วันที่ 6 กันยายน 2567)
  • เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ : ปัจจุบัน iPhone 13 มีอายุเกือบ 3 ปีแล้ว
iphone-13
ภาพจาก : apple

5. iPad Air (รุ่นที่ 5)

แม้ว่า iPad Air (รุ่นที่ 5) จะเป็นแท็บเล็ตที่ทรงพลังและน่าสนใจ แต่ก็มีบางจุดด้อยกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ ๆ ที่กำลังจะมาหรือรุ่นอื่น ๆ ในตลาด ประกอบกับชิป M1 เริ่มล้าหลังเมื่อเทียบกับชิป M2 ที่ใช้ใน iPad Air (รุ่นที่ 6) และ iPad Pro รุ่นใหม่ ๆ

  • ฟังก์ชัน : มาพร้อมชิป M1, รองรับ Apple Pencil 2, มีหน้าจอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว และรองรับ Magic Keyboard
  • ราคาไทย : เริ่มต้นที่ 18,900 บาท (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ studio7thailand ณ วันที่ 6 กันยายน 2567)
  • เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ : หากต้องการประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการทำงานหนัก ๆ หรือเล่นเกมกราฟิกสูง iPad Air (รุ่นที่ 5) ยังไม่ตอบโจทย์เท่าไรนัก
iPad Air (รุ่นที่ 5)
ภาพจาก : studio7thailand

6. iPad (รุ่นที่ 9)

iPad (รุ่นที่ 9) เป็นไอแพดที่ใช้ดีไซน์แบบเดิมที่มีขอบจอหนา และปุ่มโฮมแบบ Touch ID ซึ่งอาจดูล้าสมัยไปบ้างเมื่อเทียบกับ iPad รุ่นใหม่ ๆ ที่มีดีไซน์ที่ทันสมัยกว่า เช่น iPad Air และ iPad Pro อีกทั้งไม่รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 และ Magic Keyboard ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการใช้งานต่าง ๆ

  • ฟังก์ชัน : แท็บเล็ตราคาประหยัดที่มาพร้อมชิป A13 Bionic และหน้าจอ Retina ขนาด 10.2 นิ้ว
  • ราคาไทย : เริ่มต้นที่ 10,200 บาท (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ studio7thailand ณ วันที่ 6 กันยายน 2567)
  • เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ : รุ่นเริ่มต้นมีหน่วยความจำภายในเพียง 64GB ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องการเก็บรูปภาพ วิดีโอ หรือแอปพลิเคชันจำนวนมาก
iPad (รุ่นที่ 9)
ภาพจาก : studio7thailand

7. Apple Watch Series 9

จากการคาดการณ์ Apple Watch Series 10 จะมาพร้อมจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น (และประหยัดพลังงานมากขึ้น) ตัวเรือนที่บางลง และอาจมีชิปเซ็ตใหม่ ดังนั้นแอปเปิ้ลวอชรุ่นก่อนหน้าอย่าง Apple Watch Series 9 ก็อาจจะหยุดจำหน่าย และไม่คุ้มค่าที่จะซิ้อ

  • ฟังก์ชัน : มาพร้อมเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิร่างกาย, ตรวจจับการล้ม, ตรวจจับการชน, หน้าจอ Always-On Retina display และรองรับการเชื่อมต่อ Cellular
  • ราคาไทย : เริ่มต้นที่ 16,900 บาท (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ apple ณ วันที่ 6 กันยายน 2567)
  • เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ : ผู้ที่ต้องการมีแอปเปิลวอชเรือนแรก สำหรับการซิ้อ Apple Watch Series 9 จึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก เพราะ Apple Watch Series 10 ที่กำลังจะเปิดตัวนั้นอาจมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ล้ำหน้ากว่าในราคาที่ต่างกันไม่มาก
Apple Watch Series 9
ภาพจาก : apple

8. MacBook Air (ชิป M1)

MacBook Air รุ่นนี้เป็นแท็บแล็ตที่มาพร้อมกับชิป M1 แม้ว่าจะยังคงมีประสิทธิภาพที่ดี แต่ก็เริ่มล้าหลังเมื่อเทียบกับชิป M2 ที่ใช้ใน MacBook Air รุ่นใหม่กว่า หากต้องการใช้งานประสิทธิภาพสูง อาทิ การตัดต่อวิดีโอ หรือเล่นเกมกราฟิกสูง MacBook Air (ชิป M1) อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไรนัก

รวมถึงมีเพียง 2 พอร์ต Thunderbolt / USB 4 ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ทำให้ต้องซื้ออะแดปเตอร์หรือฮับเพิ่ม ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวกในการพกพา

  • ฟังก์ชัน : โน้ตบุ๊คบางเบาที่มาพร้อมชิป M1, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
  • ราคาไทย : เริ่มต้นที่ 26,500 บาท (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ istudio ณ วันที่ 6 กันยายน 2567)
  • เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ : MacBook Air (ชิป M1) ไม่มีพัดลมระบายความร้อน และใช้ชิปเก่าเมื่อเทียบกับในปัจจุบัน
MacBook Air (ชิป M1)
ภาพจาก : istudio

อย่างไรก็ดี การเลือกซื้อสินค้า Apple ในช่วงนี้ ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าในระยะยาว หากเป็นไปได้ควรรอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะนอกจากจะมีฟีเจอร์ที่ทันสมัยกว่าแล้ว ยังมาพร้อมกับอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าด้วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thaiger deals

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button