งามไส้ โอปป้าเกาหลี ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหยียบจมูกคนไทย กลางกรุงเทพ

Aindravudhเผยแพร่: 22 ส.ค. 2567 14:30 น.| อัปเดต: 22 ส.ค. 2567 14:30 น.

143

ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บุกจับ 8 โอปป้าเกาหลี ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหยียบจมูกคนไทย กลางกรุงเทพ โทรตุ๋นเหยื่อลงทุน ข้อมูลหลุดจากตลาดมืด ไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน

วันที่ 22 ส.ค. 2567 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมแถลงผลการตรวจสอบคอนโดมิเนียมก ย่านซอยเอกมัย จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวเกาหลีใต้ 8 คน ใช้แผ่นดินไทยเป็นฐานปฏิบัติการ

ว่าที่พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กองกำกับการ1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวเกาหลีใต้มาเช่าห้องในอาคารหรูย่านเอกมัย ซอย 3 อ้างว่าเปิดออฟฟิศเงินดิจิทัล แต่มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเป็นแก๊งการพนันออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เมื่อมาตรวจสอบพบว่า มีชาวเกาหลีเข้าออกห้องที่อยู่บนชั้น 4 เป็นประจำ ห้องดังกล่าวติดป้ายไว้ว่า “Content Factory Korea & Thai”

จากการค้นพบชาวเกาหลีใต้ 8 คน ดังนี้

1.นายแจซุก อายุ 26 ปี

2.นายจุนฮี อายุ 31 ปี

3.นายวูจิน อายุ 27 ปี

4.นายเจ อายุ 29 ปี

5.นายซางกี อายุ 26 ปี

6.นายซังฮูน อายุ 26 ปี

7.นายฮุนจิน อายุ 26 ปี

8.นายจุงฮูน อายุ 26 ปี

พฤติการณ์คืออ้างตัวเป็นนักวิเคราะห์หุ้น เป็นผู้เชี่ยวชาญโบรกเกอร์ของธนาคารของเกาหลีใต้ หลอกลวงให้เหยื่อมาลงทุนผ่านหน้าเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเลียนแบบเว็บของธนาคารจริง

ในห้องมีของกลางคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง มีข้อมูลของเหยื่อกว่า 1 แสนคนต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ชุด โทรศัพท์จำนวน 17 เครื่องและ ไอแพดจำนวน 4 เครื่อง และภายในห้องยังมีกระดานไวท์บอร์ดที่เอาไว้เขียนข้อมูลหุ้นแต่ละตัว ข้อมูลว่าต้องพูดกับเหยื่อยังไง

ชาวเกาหลีใต้ทั้ง 8 คน ยอมรับว่าถูกจ้างให้มาทำงานในประเทศไทย ชักชวนหาลูกค้ามาร่วมลงทุนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว ได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการที่ลูกค้ามาลงทุน

เบื้องต้นได้จับกุมดำเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และทำการเพิกถอนวีซ่า ซึ่งจากการประสานกับตำรวจเกาหลีใต้ พบว่าบางคนมีประวัติเคยถูกดำเนินคดีที่เกาหลีใต้ด้วย

รายชื่อต่าง ๆ หลุดมาจากตลาดมืด มีข้อมูลครบทั้งชื่อ เบอร์โทรจำนวนเงินลงทุน และความเสี่ยงต่าง ๆ

ตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีกลุ่มขบวนการมากกว่านี้ เพราะมีจำนวนคอมพิวเตอร์เยอะมาก และเชื่อว่าขบวนการนี้น่าจะมีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศอื่นด้วย เพราะพบประวัติกลุ่มผู้ต้องหาว่ามีการเดินทางไปมาในประเทศเพื่อนบ้านด้วย