ข่าว

เร่งแกะเบาะแสการตาย “เสี่ยต้น” คนใกล้ชิดเข้าให้ปากคำเพิ่ม ทนายฝั่งเมียไม่เชื่อวางยา

ตามต่อปริศนาการเสียชีวิตของ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสปาและนวดแผนไทย น้องสาวพร้อมลูกเข้าให้ปากคำพยาน ทนายภรรยาเสี่ยต้นยังไม่ปักใจเป็นคดีฆาตกรรม

จากกรณี “เสี่ยต้น” พิชิต กลีบจินดา อายุ 45 ปี เจ้าของกิจการธุรกิจสปาและร้านนวด เสียชีวิตปริศนาในบ้าน ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.67 ที่ผ่านมา หลังกลับไปหา นางมด ผู้เป็นภรรยาที่ จ. มหาสารคาม โดยน้องสาวของเสี่ยต้นสงสัยการตายของพี่ชายจะมีเงื่อนงำ จึงติดต่อ ทนายเดชา กิติตวิทยานันท์ ให้เข้ามาช่วยดูแลคดี

ข้อมูลทางการสืบสวนเกี่ยวกับคดีที่ผู้ตายเคยถูกลอบยิงมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนจะมีข่าวถูกพบเป็นศพเสียชีวิต ที่บ้านของนางมด ที่่เป็นภรรยา เมื่อวันที่ 8 เม.ย.นั้น ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งแกะรอยหาเบาะแสคนร้ายจากกล้องวงจรปิด โดยพบหลังจากก่อเหตุแล้วคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยต์ไปที่ปั๊มน้ำมันซอยนวมินทร์ 92 ก่อนจะหลบหนีต่อไปที่ย่านพระโขนง แล้วหายไปจากกล้องวงจรปิด

คาดว่าคนร้ายเป็นมืออาชีพเพราะมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี หลังก่อเหตุได้มีการขี่รถวนในลักษณะหลอกทำให้ตำรวจหลงทาง แต่ตำรวจกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ เชื่อจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ อ้างอิงข้อมูลจากมติชน “ทนายชายพัฒน์” อนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ทนายความฝั่งของมด ภรรยาเสี่ยต้น เปิดเผยหลัง “ส้ม” น้องสาวของภรรยาเสี่ยต้น และลูกสาววัย 16 ปี ของผู้เสียชีวิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานที่เป็นคนใกล้ชิด

ทนายชายพัฒน์ ระบุ ประเด็นการเสียชีวิตที่จังหวัดมหาสารคาม ตัวของนางมดเองก็ได้ให้ปากคำไปตั้งแต่หลังจากที่เกิดเหตุแล้ว และเมื่อวานนี้ก็ได้เข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่สื่อ และสังคมตั้งข้อสงสัย

ส่วนการที่ “นางสาวส้ม” น้องสาวภรรยาของเสี่ยต้น รวมถึงลูกสาววัย 16 ปีของเสี่ยต้น เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน เนื่องจากเป็นคนที่เกี่ยวข้องการใช้ชีวิตครอบครัว รวมถึงพามาแจ้งความที่โรงพักด้วย และอาจจะเป็นบุคคลที่ให้ถ้อยคำแล้วเป็นประโยชน์ สำหรับประเด็นความขัดแย้งระหว่างครอบครัวของนางมดและเสี่ยต้น

ทนายความยังอ้างอีกว่า เท่าที่ตนทราบ คดีนี้ไม่ได้มีอะไรเกินเลยจนถึงขั้นต้องฆาตกรรมหรือวางยากัน โดยเมื่อวันที่ 20 พ.ค. นางมดภรรยาของเสี่ยต้น ได้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ก็เป็นการให้ถ้อยคำเพิ่มเติมในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่จากการที่สอบถามนางมด ทนายชายพัฒน์ ระบุ ภรรยาของเสี่ยต้นไม่ได้สงสัยใครเป็นพิเศษ สอดคล้องกับการให้ข้อมูลไปก่อนหน้านี้ที่ว่าอาจจะเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้ามากกว่า

ส่วนที่น้องสาวของเสี่ยต้น ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ยอมรับว่างง เพราะนานหลายปีแล้วที่น้องสาวเสี่ยต้น มาทำงานบริษัทก่อนหายหน้าหายตาไป ซึ่งตอนที่มาทำงานด้วยกันก็ได้ทำงานอยู่คนละห้อง เท่าที่จำได้มีการพูดคุยกับพี่สาวตนตามปกติไม่ได้ดูว่ามีความขัดแย้งอะไรกันเลย.

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button