ข่าวข่าวต่างประเทศ

สาวสหรัฐฯ สุดทรมาน ป่วยโรค ‘ถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ’ มีอารมณ์ตลอด

สาวสหรัฐฯ สุดทรมานป่วยเป็นโรค ถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ หรือ PGAD มีอารมณ์ทางเพศและรู้สึกปวดตลอดเวลา จนใช้ชีวิตปกติไม่ได้

เมื่อวันที่ 23 เมษายน เว็บไซต์ NYPost ได้รายงานถึงอาการป่วยประหลาดของสาวอเมริกัน ชื่อ สการ์เล็ต เคธลิน วัลเลน วัย 21 ปีที่ป่วยเป็นโรคถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ Persistent Genital Arousal Disorder หรือ PGAD ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เธอมีอารมณ์ทางเพศตลอดเวลา และไม่สามารถควบคุมมันได้

Advertisements

โดยเธอเล่าว่าเธอแสดงอาการตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เธอรู้สึกปวดทรมานอวัยวะเพศมาตลอด และเธอต้องทนอยู่กับโรคนี้มา 15 ปี ซึ่งเธอระบุว่าเธอมีเพียงไม่กี่วันเท่านั้นที่เธอไม่รู้สึกทรมาน ทำให้เธอไม่สามารถทำงานหรือเรียนอย่างเต็มเวลาได้

นักศึกษาสาวจากรัฐโรดไอแลนด์ กล่าวว่า เธอรู้สึกเหมือนว่าช่องคลอดของเธอร้อนตลอด เหมือนเธอมีอารมณ์ แต่เธอไม่ได้มีอยากมีเพศสัมพันธ์ มันเป็นความเจ็บปวด เธอไม่ได้รู้สึกดี มันทำให้เธอเล่นกับเพื่อนไม่ได้ตั้งแต่เด็ก เธออยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ นอกจากนี้ PGAD ยังส่งผลให้เธอไม่สามารถมีเพื่อนหรือเข้าสังคมนานๆได้อีกด้วย

นอกจากนี้เธอยังป้ายยาระเหยไปยังบริเวณอวัยวะเพศเธอด้วย ซึ่งเธอกล่าวว่าเธอยอมแสบจากไอระเหยดีกว่าที่เธอจะรู้สึกทรมานจากอาการป่วยของเธอ

เธอมาทราบครั้งแรกว่าเธอป่วยเป็นอะไรเมื่อปี 2563 หลังจากที่เธอเข้าพบแพทย์ โดยหลังจากที่แพทย์ฟังอาการของเธอก็ทำให้เขายืนยันได้ว่าเธอป่วยเป็นโรค PGAD พร้อมกันนี้เธอยังป่วยเป็นภาวะที่มีอาการเจ็บเมื่อสัมผัสบริเวณ vestibule หรือ บริเวณที่อยู่ระหว่างแคมเล็กทั้งสองข้างตั้งแต่คลิตอริสจนถึง posterior fourchette โดยเธอมีภาวะนี้ตั้งแต่เกิดและเป็นต้นเหตุของอาการ PGAD

Advertisements

ปัจจุบันเธอได้ทำการผ่าตัดนำเนื้อเยื่อที่สร้างความเจ็บปวดออก ทำให้เธอใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ทว่า วัลเลน กล่าวว่าในอนาคตทางเลือกของเธอคือการนำเนื้อเยื่อออกให้หมดและไม่รู้สึกอะไรเลยหรืออาศัยกับ PGAD ซึ่งเธอกล่าวว่าเธอยังต้องการมีความสัมพันธ์ที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเธอหวังว่าซักวันเธอจะใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติ

ทั้งนี้จากการไปตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ PGAD อ้างอิงจากเว็บไซต์ Hellokhumor ได้ระบุว่า ภาวะถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ (Persistent Genital Arousal Disorder; PGAD) หรือภาวะความผิดปกติของการกระตุ้นอวัยวะเพศนี้ มักเกิดขึ้นได้กับเพศหญิงมากกว่าในเพศชาย

ยังไม่มีเอกสารทางการแพทย์ระบุถึงสาเหตุที่แท้จริงภาวะดังกล่าว ในบางกรณีก็มักเกิดควบคู่กันได้กับผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ ความเครียด อาการวิตกกังวล เป็นต้น เนื่องจากยาบางประเภทที่ใช้รักษาอาการเหล่านี้ อาจเข้าไปมีผลกระทบต่อทางอารมณ์ร่วมด้วยก็เป็นได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button