นัดฟังคำสั่งคดีครอบครองอาวุธสงคราม ชี้ชะตา ‘จักรภพ เพ็ญแข’ 23 พ.ค.
พนักงานนัดฟังคำสั่งคดี ครองอาวุธสงคราม ชี้ชะตา จักรภพ เพ็ฐแข 23 พ.ค. นี้ ชี้ ยิ่งลักษณ์ ควรได้รับความเป็นธรรมเสมอภาคตามกฎหมาย
พนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม นำตัวนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายจักรภพ ฐานความผิดข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเป็นอั้งยี่ จากกรณีที่พบถึงความเชื่อมโยงโยงกับอาวุธสงครามจำนวนมากซุกบ่อน้ำ ในพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา มาส่งยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10
โดยนาย โชคชัย อ่างแก้ว ทนายความนายจักรภพ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้พนักงานสอบสวนนำตัวพร้อมสำนวนมาส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา เดิมทีสำนวนนี้มีการส่งสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องมาก่อนแล้ว แต่คดีนี้มีผู้ต้องหาหลายราย ในส่วนที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง บางรายทางพนักงานอัยการก็สั่งไม่ฟ้องในภายหลัง ซึ่งเราก็นำประเด็นในคำพิพากษาที่ยกฟ้องจำเลยมายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการในวันนี้ว่านายจักรภพไม่เกี่ยวข้อง โดยทางพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา10 นัดฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 23 พ.ค. เวลา 10.00 น.
ขณะที่นาย จักรภพ กล่าวว่า วันนี้ตนและทีมทนายความได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากเรามั่นใจในความบริสุทธิ์ของเรา และเราเชื่อว่ามีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้เกิดคดีนี้ขึ้นมา แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดได้ เราต้องการเคารพกระบวนการ ตนมีความเคารพในกระบวนการยุติธรรมจึงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในครั้งนี้ และได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม เพื่อให้ผลนำมาสู่การสร้างความกระจ่างแจ้งกับเรื่องนี้เเละตนเอง
ตนเองมั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก และยังเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการให้ความเป็นธรรมและความยุติธรรมในทางสังคมและการเมือง เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะหากไม่ได้รับความเป็นธรรมสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ดีนัก เป็นการเผชิญหน้าทางการเมือง ถ้าหากกระบวนการยุติธรรมสามารถสร้างให้ธรรมมะเป็นข้อยุติได้จริง ก็เป็นเรื่องที่เป็นข่าวดีสำหรับทุกคนไม่เฉพาะคนในคดีนี้เท่านั้น
เมื่อถามว่า หมายถึงคนที่ลี้ภัยในต่างประเทศ เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ในแง่ของกระบวนการยุติธรรมแล้วเราหมายถึงทุกคน ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไทยไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือผู้ประกอบอาชีพอะไรก็ตาม ถ้าเกิดเป็นคนไทยควรได้รับความเป็นธรรมเสมอภาคเท่าเทียมกันตามกฎหมาย ตนก็หวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนหรือคนอื่นๆ ก็ยังคงซึ่งความยุติธรรมสำหรับทุกคน ทุกฐานะทุกอาชีพในเมืองไทยต่อไป
เมื่อถามต่อว่า หากคดีเสร็จสิ้นแล้วจะเข้าสู่การเมืองเต็มตัวหรือไม่ นายจักรภพ ยอมรับว่า มี แต่บอกได้เลยว่าการเมืองไม่จีรัง ตนหมายถึงลงการเมืองในภาพกว้าง เพราะแค่การลงรับสมัครเลือกตั้งหรือการรับตำแหน่งต่าง ๆ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเมือง การช่วยงานพรรค การช่วยงานกลุ่มการเมืองก็ยังเป็นสิ่งต่าง ๆ ที่เราทำได้ งานการเมืองที่จะผลักประเทศไปข้างหน้า คงไม่ทิ้งเพราะนี่คือชีวิต ซึ่งระหว่างนั้นถ้าไม่มีอะไรขัดข้องก็อาจจะไปเป็นอาจารย์ หรืออาชีพสื่อมวลชน เพราะตนสนใจและเป็นอาชีพเก่า ก็คิดว่าคงจะไม่เป็นที่รังเกียจที่จะขอมีบทบาทบ้าง แต่เรื่องใหญ่จริง ๆ ก็จะไม่ทิ้งการเมือง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘จักรภพ เพ็ญแข’ ได้รับประกันตัว 2 คดี 2 แสนบาท ยินดีรับใช้ชาติ
- จักรภพ เพ็ญแข อัดคลิปก่อนขึ้นเครื่องกลับไทย ลี้ภัยกว่า 15 ปี เกิดอะไรขึ้นบ้าง
- จักรภพ เพ็ญแข เตรียมกลับไทย 28 มี.ค.นี้ เตรียมรับใช้บ้านเมืองหลังลี้ภัยกว่า 10 ปี