พระเมถุนกับแม่บุญธรรม ขาดความเป็นพระตั้งแต่ยังไม่ลาสิกขา
จากกรณีข่าวใหญ่สะเทือนประเทศไทยเมืองพุทธ เมื่ออีซ้อขยี้ข่าว แฉคลิปฉาว สามีของอดีตนักการเมืองหญิงวัย 45 จับได้คาเตียง ขณะนอนกอดอยู่กับพระมหาหนุ่มวัย 25 ปี ลูกบุญธรรม เมื่อออกข่าวไป ทนแรงกดดันไม่ไหว ต้องรีบลาสิกขาออกจากผ้าเหลือง ทำให้ชาวพุทธในสังคมตั้งคำถามถึงพระธรรมวินัยและบทลงโทษอีกครั้ง ว่าในทางธรรมพระสงฆ์ที่เสพเมถุน ขาดจากความเป็นพระตั้งแต่ตอนไหน
ทั้งในพุทธศาสนานิกายเถรวาทและมหายาน ต่างก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของวินัยสงฆ์ ซึ่งรวบรวมขึ้นเป็นพระวินัยปิฎก อันเป็นชุดคำสอนและกฎเกณฑ์ที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้สำหรับพระภิกษุและภิกษุณี พระวินัยกำหนดแนวทางเฉพาะเจาะจงหนึ่งในนั้นคือการถือพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การละเว้นกิจกรรมทางเพศ แต่ยังรวมถึงการฝึกละกำหนัดทางโลกเพื่อเข้านิพพาน
บทลงโทษหากเกิดการละเมิด
พระสงฆ์รูปใดที่ไม่สามารถสลัดความอยากได้ เสพเมถุนทางกามกับสีกาหรือผู้ชาย ในกรณีพระมหาหนุ่มวัย 24 ปี คือมีสัมพันธ์กับนักการเมืองหญิงมีศักดิ์เป็นแม่บุญธรรมวัย 45 ปี ผิดพระธรรมวินัยข้อร้ายแรงสุด ถึงขั้นปราชิก ขาดจากความเป็นพระทันที ต้องเรียกว่า สมี
อาบัติปราชิก เป็นความผิดขั้นสูงสุดของพระสงฆ์ มี 4 ข้อคือ
- เสพเมถุน
- ลักทรัพย์
- ฆ่ามนุษย์
- อวดอ้างอุตริมนุสธรรม
เสพเมถุนเป็นปฐมปราชิก เป็นกฎข้อเดียวในสามข้อที่กฎหมายทางโลกยังไปไม่ถึง ไม่มีความผิดทางกฎหมาย แต่ถ้าหญิงนั้นมีสามีจดทะเบียนสมรส ฝ่ายสามีสามารถฟ้องชู้ได้
การประพฤติผิดในกามถือเป็นความผิดร้ายแรง ปาราชิก มีบทลงโทษถึงขั้นขาดจากความเป็นพระสงฆ์ หากเป็นที่ทราบในหมู่สงฆ์ พระรูปนั้นจะถูกขับออกจากวัด ส่วนนิกายมหายานอาจจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวแตกต่างออกไป แต่ก็ยังคงคาดหวังให้พระสงฆ์ถือพรหมจรรย์
กรณีของพระมหาหนึ่งที่ลาสิกขาหลังมีข่าว ถูกสามีฝ่ายหญิงจับได้ ถือว่าไม่มีผลเพราะได้ขาดจากความเป็นพระตั้งแต่วินาทีที่มีเจตนาและลงมือกระทำทางกามแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง