อายุมากขึ้น เผชิญปัญหาผิวมากขึ้น! รวมวิธีเสริมให้ผิวยังดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

สิ่งที่เอาชนะยากที่สุด หรือเรียกได้ว่าไม่มีทางเอาชนะได้เลยก็คือเรื่องของ ‘ตัวเลขอายุ’ ที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน และนอกจากตัวเลขจะเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพผิวที่ตามมาอีก เพราะเมื่ออายุเราเพิ่มมากขึ้น กระดูก มวลกล้ามเนื้อ และเซลล์ต่างๆ ในร่างกายจะทำงานได้น้อยลง เป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ อย่างในเรื่องของผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดมากที่สุดในช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป
เรามักจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวที่เปลี่ยนไป ทั้งความหย่อนคล้อย ริ้วรอย จุดด่างดำต่างๆ รวมไปถึงความหมองคล้ำที่ทำให้ใบหน้าของเราดูโทรมด้วย ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้ปัญหาผิวเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ ลดทอนความมั่นใจ จะแต่งหน้า แต่งตัวยังไงก็ดูไม่สดใส แล้วจะทำอย่างไรดี มีวิธีชะลอ หรือป้องกันได้ไหมนะ? ในบทความนี้เราเลยขอพาทุกคนไปสำรวจปัญหาเรื่องของอายุและผิว พร้อมวิธีเสริมให้ผิวยังดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ลดทอนปัญหาผิวไม่ให้เป็นไปตามตัวเลขกัน ไปดูกันเลย!
ทำไมเมื่ออายุมากขึ้น ผิวจึงเกิดปัญหาได้ง่าย?
จริงๆ แล้วการเกิดปัญหาผิวพรรณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อย ริ้วรอย จุดด่างดำ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุประกอบกัน ทั้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต แสงแดดและมลภาวะ รวมถึงฮอร์โมน อารมณ์และความเครียด เมื่อประกอบกับอายุที่เพิ่มมากขึ้นที่ร่างกายจะสามารถผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้ลดลง มีกระบวนการซ่อมแซมผิวที่ช้าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ก็ส่งผลให้ผิวที่เคยแข็งแรง ตึงกระชับเมื่อตอนอายุยังน้อย ค่อยๆ หย่อนคล้อยลง และตามมาด้วยริ้วรอยต่างๆ ได้ง่าย ทั้งใบหน้า ใต้ตา ลำคอ รวมไปถึงผิวกาย ยิ่งหากขาดการดูแลที่ดีมาตั้งแต่ช่วงที่มีอายุน้อยกว่านี้ หรือไม่ได้เลือกวิธีบำรุงที่เหมาะกับอายุผิวที่เปลี่ยนไป โอกาสในการเกิดความหย่อนคล้อย และริ้วรอยต่างๆ ก็อาจเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณได้เช่นกัน
วิธีเสริมให้ผิวยังดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
หากไม่อยากให้ผิวของเราหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเพิ่มขึ้นตามอายุง่ายๆ พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการเลือกวิธีดูแลและบำรุงที่เหมาะกับผิวของเราเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และหลายๆ คนมักมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป เพราะเมื่อตอนอายุยังน้อยเรายังเห็นปัญหาผิวได้ไม่ชัด หรือเมื่อเกิดปัญหาผิว บำรุงนิดๆ หน่อยๆ ผิวก็อาจฟื้นคืนกลับมาได้แล้ว แต่อย่าลืมว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น ในช่วง 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะสามารถผลิตเซลล์ที่สำคัญกับผิวได้น้อยลง ดังนั้นหากปล่อยปละละเลย สะสมพฤติกรรมที่ทำร้ายผิวไปเรื่อยๆ ถึงตอนนั้นยิ่งยากต่อการฟื้นฟู คืนสภาพผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาดังเดิม เอาล่ะ หากไม่ยากให้ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย มาดูวิธีเสริมให้ผิวดูอ่อนเยาว์กันเถอะ!
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและปรับเปลี่ยนท่านอน
การให้ความสำคัญกับเรื่องการนอน เป็นวิธีเบสิกที่สุดในการดูแลผิวพรรณจากภายในและภายนอกที่สามารถทำได้ในทุกๆ กลุ่ม ทุกเพศ ทุกช่วงวัย โดยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมงขึ้นไป จะเป็นการช่วยฟื้นฟูและเยียวยาเซลล์ในร่างกาย เสริมให้คอลลาเจนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเซลล์อื่นๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ลดโอกาสการเกิดริ้วรอย และความหมองคล้ำ ทำให้สีผิวสม่ำเสมอ นอกจากนี้ควรปรับเปลี่ยนท่านอนด้วยการนอนหงาย หรือหลีกเลี่ยงการนอนในท่าที่ใบหน้าไปเสียดสีกับหมอนด้วย เพราะการเสียดสีผิวซ้ำๆ เป็นประจำทุกวัน เป็นสาเหตุนึงของการเกิดริ้วรอย และความหย่อนคล้อยนั่นเอง
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เสริมผิวให้แข็งแรง
เรื่องอาหารการกินก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน สารอาหารที่ดีและมีประโยชน์ จะช่วยบำรุงเซลล์และฮอร์โมนในร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยให้เริ่มต้นจากการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างวิตามินเอ เช่น ไข่ ปลาทะเล เครื่องในสัตว์ สารอาหารที่ช่วยเสริมคอลลาเจน อีลาสตินให้ผิว อย่างอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผักและผลไม้รสเปรี้ยว หรือสารอาหารที่มีเปปไทด์ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา และนอกจากการรับประทานอาหารที่เสริมผิวให้แข็งแรงแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันทรานส์ หรือมีน้ำตาลสูงด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ก่อเกิดไขมันบริเวณผิวหน้า รวมถึงทำให้ผิวเหี่ยวและมีความหย่อนคล้อยก่อนวัยอันควร
สกินแคร์และครีมกันแดดควรใช้ทุกวัน
สกินแคร์และครีมกันแดดเป็นสิ่งที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้แข็งแรงและเสริมเกราะป้องกันให้ผิวจากแสง UVA UVB และมลภาวะที่เป็นอันตรายต่อผิวได้ดี หากมีการใช้อย่างสม่ำเสมอและมีความต่อเนื่อง ยิ่งในช่วงอายุ 25 ขึ้นไปยิ่งต้องเน้นการบำรุงด้วยสกินแคร์เป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่เซลล์ผิวผลิตได้น้อยลงแล้ว ทั้งความเด้งของคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิวลดลง ชั้นผิวมีความบาง แนะนำให้ใช้ใช้สกินแคร์ที่มีสารสกัดอย่าง Hyaluronic Acid หรือ HA ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย หรือสารสกัดที่มีส่วนผสมคอลลาเจน รวมถึงมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เต่งตึงให้กับผิวอย่างสม่ำเสมอ ส่วนครีมกันแดดควรเลือกเป็นครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ PA+++ และควรทาให้ทั่วทั้งผิวหน้าและผิวกายอย่างเหมาะสม ทั้งนี้อย่าลืมเลือกสูตรสกินแคร์และกันแดดที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีส่วนผสมที่เสี่ยงต่อการแพ้ ไม่งั้นเราอาจเจอปัญาผิวอื่นๆ ตามมาได้
การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
หลายคนคงคุ้นเคยกับวลีดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เป็นอย่างดี ซึ่งขอบอกว่าเลยว่าหากใครทำตามได้เป็นประจำวัน ผิวพรรณจะดูสุขภาพดีและแข็งแรงมากขึ้นแน่นอน เพราะเซลล์ผิวของคนเราสร้างขึ้นจากน้ำ 30% ดังนั้นน้ำจึงช่วยให้ชุ่มชื้นจากเซลล์ผิวภายในออกมาสู่ผิวพรรณภายนอก โดยการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างผิวให้สมบูรณ์ แถมยังช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการเกิดสิวใหม่ รวมถึงริ้วรอยทั้งจากการแสดงอารมณ์ และริ้วรอยจากอายุที่มากขึ้นด้วย
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะเสริมให้มวลกระดูกและกล้ามเนื้อมีความแข็งแรง ลดโอกาสการเกิดโรคต่างๆ แล้ว ยังส่งผลต่อผิวพรรณและใบหน้าด้วย โดยจะช่วยให้กล้ามเนื้อบนใบหน้ามีความแข็งแรงขึ้น ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดี จึงป้องกันการเกิดริ้วรอย และความหย่อนคล้อยบนใบหน้าได้ดีขึ้น ที่สำคัญหากมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังทำให้ผิวพรรณใส และเปล่งปลั่งมากขึ้นด้วย แต่หลังจากออกกำลังกายเรียกเหงื่อเสร็จแล้ว อย่าลืมให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิว เพราะหากใครมีอาการแพ้เหงื่อ เหงื่อที่ได้จากการออกกำลังกายอาจไปกระตุ้นระบบภูมิต้านทานให้ทำงานผิดปกติจนกลายเป็นสิวผดตามมาได้
การทำหัตถการผิวพรรณ
การทำหัตถการผิวพรรณ เป็นอีกทางเลือกในการดูแลและแก้ปัญหาผิวต่างๆ ได้อย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพที่หลายๆ คนให้ความสนใจ ด้วยนวัตกรรมด้านความงามที่คิดค้นจากแพทย์มากประสบการณ์ มีความปลอดภัยสูง สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ครอบคลุมหลายๆ ปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นหัตถการความงามที่ลดเลือนจุดด่างดำ หัตถการความงามลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้า หรือหัตถการความงามกระชับรูขุมขน สำหรับหัตถการตัวที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย ความหย่อนคล้อย เพิ่มความกระชับให้ผิว เพื่อชะลออายุผิวนั้น เราขอหยิบยก 2 หัตถการได้รับความนิยม และได้รับการยอมรับว่าให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพกับ เทอมาจ vs อัลเทอร่า มาแนะนำให้ทุกคนได้เห็นถึงจุดเด่น เพื่อใช้เป็นตัวเลือกเสริมผิวให้ดุอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติกัน
เทอมาจ vs อัลเทอร่าต่างกันอย่างไร
โดยรวมแล้วทั้งเทอมาจ vs อัลเทอร่า ต่างช่วยเพิ่มกระชับให้กับผิว ลดความหย่อนคล้อย และริ้วรอยต่างๆ ได้ดีเหมือนกัน แต่อัลเทอร่า (Ulthera) จะเน้นไปที่การ Lifting หรือการยกผิวหน้าชั้น SMAS ด้วยคลื่นพลังงานเสียงอัลตราซาวนด์แบบพิเศษ (Focused Utrasound) พร้อมระบบ Visualization ขณะยิงคลื่นพลังงาน ซึ่งสามารถส่งพลังงานเข้าไปได้อย่างล้ำลึกและมีความแม่นยำสูง เหมาะกับคนที่เริ่มมีปัญหาผิวเหี่ยว หย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง หรือต้องการยกกระชับผิว ยกกรอบหน้าให้ชัดเจน ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นไปจนถึงผู้สงอายุ
ส่วนเทอมาจ (Thermage) นั้นจะเป็นการเน้น Tightening, Firming และ Elasticity หรือความหดตัว ยืดหยุ่น กระชับ ซึ่งจะใช้พลังงานแตกต่างจากเทอมาจ คือทำงานโดยใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency: RF) ที่คลื่นวิทยุจะส่งผ่านความร้อนเข้าไป ทำให้คอลลาเจนเกิดการหดตัว และสร้างโครงสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เหมาะกับคนที่ต้องการลดไขมัน กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวดูอิ่บเอิบ เต่งตึงและใช้ได้กับทุกๆ ช่วงวัยเช่นเดียวกันกับอัลเทอร่าเลย
ข้อสงสัยที่ว่าจะเลือกทำหัตถการเทอมาจ vs อัลเทอร่าตัวไหนดี? คำตอบก็ขึ้นอยู่กับความต้องการผลลัพธ์เฉพาะจุดของแต่ละคน หากต้องการเห็นผลเรื่องลดริ้วรอย พร้อมยกกระชับ แน่นอนว่าอัลเทอร่าจะให้ผลลัพธ์โดดเด่นกว่า แต่หากต้องการลดริ้วรอย พร้อมผิวทีแข็งแรง แน่น มีความเฟิร์ม หรือใครที่เคยผ่านการทำอัลเทอร่ามาแล้ว การทำเทอมาจก็จะยิ่งเสริมให้ผลลัพธ์แก่ผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ใครที่เลือกเองไม่ถูก สามารถเข้าไปปรึกษากับแพทย์มากประสบการณ์ด้านผิวพรรณเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมก็ถือชอยส์ที่เซฟและคุ้มค่ามากที่สุด
แม้ว่าเราจะไม่สามารถเอาชนะตัวเลขอายุที่เพิ่มมากขึ้น และห้ามไม่ให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมถอยจนทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ขึ้นมาได้ แต่หากเรามีการปรับพฤติกรรมที่ลดการกระเทือนต่อผิวพรรณ ดูแลรักษาเสริมให้ผิวแข็งแรงตั้งแต่ช่วงอายุยังน้อย ก็ช่วยยืดอายุให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้ยาวนานมากขึ้น ลดการความหย่อนคล้อย และริ้วรอยไม่ให้เปลี่ยนไปตามอายุง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับการพักผ่อน การรับประทานอาหารที่ดีต่อผิว การใช้สกินแคร์และกันแดดอย่างต่อเนื่อง การดื่มน้ำให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือจะเลือกการทำหัตถการผิวพรรณที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างแม่นยำและตรงจุด ซึ่งหัตถการก็มีให้เลือกหลาย หากอยากเพิ่มความกระชับ ลดความหย่อนคล้อย และริ้วรอยก็สามารถเลือกทำได้ทั้งเทอมาจ vs อัลเทอร่าได้เลย
และไม่ว่าจะเลือกทำเทอมาจหรืออัลเทอร่า ก็ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์มากประสบการณ์ พิจารณาเลือกคลินิกที่มีเครื่องแท้ มีสัญลักษณ์ยืนยัน พร้อมแพทย์มากประสบการณ์ด้านการทำเทอมาจและอัลเทอร่า เพราะเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญในการดูมอนิเตอร์หน้าจอชั้นผิวที่ถูกต้อง ขณะทำเพื่อให้พลังงานจากเครื่องลงไปสู่ชั้นผิวที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงการยิงไปเรื่อยๆ เพียงอย่างเดียว ที่ DSK Clinic มีการประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลก่อนเข้ารับบริการ มีทีมแพทย์ที่มีประสบกาณ์การทำเทอมาจและอัลเทอร่า ทั้งยังได้รับการรองรับมาตรฐาน USFDA ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของวงการแพทย์ พร้อมให้คำแนะนำทุกๆ ขั้นตอน ไม่ว่าจะวัยไหน สภาพผิวแบบไหนก็พร้อมเสริมความมั่นใจให้คุณอย่างเต็มที่
สอบถามเพิ่มเติมกับ DSK Clinic ได้ที่
- Facebook: DSK Clinic
- Line: @dskinclinic
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผู้ป่วยโควิด สิทธิบัตรทอง รีบเช็ค แอปฯ คลิกนิก ส่งโมลนูพิราเวียร์ กลุ่ม 608 เริ่มแล้ว
- เลเซอร์รักแร้ ดียังไง? บอกลาขนและหนังไก่กันดีกว่า!