เศรษฐกิจ

เปรียบเทียบ “30 บาท รักษาทุกที่” ต่างจาก “บัตรทอง” ใบเดิมอย่างไร

รวบตึงสิทธิประโยชน์โครงการ “30 บาท รักษาทุกที่” นโยบายทันสมัย ประชาชนเข้าถึงง่าย สมกับยุคเทคโนโลยีดิจิทัล ต่อยอดจากปัญหา “30 บาทรักษาทุกโรค”

“30 บาท Pro 30 บาทรักษาทุกที่” โครงการยกระดับมาตรฐานการรักษาและบริการด้วยเทคโนโลยี เชื่อมโยงฐานข้อมูลของทุกสถานพยาบาลไม่ว่าจะรัฐ ห้องแล็บ หรือโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งเข้าด้วยกันในรูปแบบดิจิทัล เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการรักษาให้พี่น้องประชาชน

ต่อยอดจากจุดอ่อนในโครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค” ที่ครอบคลุมเพียงแค่โรงพยาบาลรัฐ รอบนี้พัฒนาเรื่องการจัดการข้อมูล สำหรับบันทึกประวัติคนไข้ นำแอปพลิเคชันหมอพร้อมเข้ามาใช้จ่ายยา บริการให้คำปรึกษาทางไกลสำหรับแพทย์เฉพาะทางและผู้ป่วยที่อยู่ห่างกัน รวมถึงขยายการรักษาโรคมะเร็งเพิ่มเติม พาไปดู 8 สิทธิประโยชน์ 30 บาทรักษาทุกที่มีอะไรเพิ่มบ้าง

สิทธิประโยชน์ 30 บาท รักษาทุกที่ ต่างจากบัตรทองอย่างไร

1. จองคิวออนไลน์ ลดเวลานั่งรอที่โรงพยาบาล

ประชาชนสามารถจองคิวผ่านแอปหมอพร้อมโดยไม่ต้องไปรับบัตรคิวที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลตรงตามเวลาที่นัดหมาย ก็สามารถโชว์หน้าจอหมอพร้อม พร้อมกับบัตรประชาชน และเข้ารับบริการได้ทันที

หากในการไปพบแพทย์ มีการสั่งตรวจเลือด ปัสสาวะ หรือตรวจแล็บ ผู้ป่วยสามารถเลือกรอรับบริการที่โรงพยาบาล หรือจะเลือกไปใช้บริการที่แล็บสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการได้ รวมถึงสามารถรับยาที่บ้าน หรือ ร้านขายยาใกล้บ้านที่ร่วมโครงการ เป็นการลดเวลารอหมอ ลดเวลาอยู่โรงพยาบาล

2. ฟรี บริการทำฟันและกายภาพบำบัด ในโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ

โครงการใหม่มีสิทธิประโยชน์ใหม่ที่เพิ่มขึ้น คือ ประชาชนสามารถเข้ารับบริการทันตกรรม กายภาพบำบัด ณ คลินิกที่เข้าร่วมโครงการ

จากเดิมที่บัตรทองสามารถใช้ได้เฉพาะโรงพบาบาลรัฐ อีกทั้งไม่รับรองการรักษาที่เกินความจำเป็นพื้นฐาน หรืออุบัติเหตุและการเจ็บป่วยฉุกเฉิน แต่ครั้งนี้รัฐบาลใส่ใจต่ออาการเจ็บป่วยที่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น อย่างการทำกายภาพบำบัดนั่นเอง

 

3. รักษาข้ามจังหวัดได้เพียงยื่นบัตรประชาชนใบเดียว

หนึ่งในปัญหาด้านการแพทย์ของไทย นั่นคือ ขั้นตอนการเข้ารับรักษาที่ล่าช้า จากจำนวนผู้ป่วยและระบบา โดยเฉพาะผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในพื้นที่สิทธิ์การรักษาจำเป็นต้องขอใบส่งตัวเพื่อรักษาข้ามจังหวัด โดยโครงการ 30 บาท รักษาทุกที่จะทำการบันทึกข้อมูลผู้ป่วยที่ได้ยืนยันตัวตนเรียบร้อยในแอปหมอพร้อม ไม่ต้องไปดำเนินการขอใบส่งตัวแบบเดิมอีก

สำหรับผู้ป่วยใน 4 จังหวัดนำร่อง ร้อยเอ็ด แพร่ เพชรบุรี นราธิวาส หากเจ็บป่วยแล้วบังเอิญอยู่ต่างจังหวัด (แต่ต้องอยู่ในจังหวัดที่มีโครงการนี้เท่านั้น) ไม่ต้องพกเอกสาร หรือเตรียมเงินสำรองจ่ายให้ยุ่งยาก ใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียวเพื่อรักษาตัวในทุก โรงพยาบาล และคาดว่าจะครอบคลุมทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศภายในปีนี้

4. ขอรับสิทธิดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง

ผู้ป่วยสามารถขอรับสิทธิจากสถานชีวาภิบาล หรือการดูแลระยะสุดท้ายจากสถานพยาบาลได้ เพื่อกลับไปรักษาตัวในช่วงชีวิตที่เลือกอยู่ตามความต้องการ แตกต่างจากเดิมที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเท่านั้น

5. แพทย์สั่งจ่ายยาออนไลน์ได้ ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล

ผู้ป่วยที่แพทย์ทำการวินิจฉัยอาการเบื้องต้นผ่านออนไลน์แล้ว จะได้รับใบสั่งยาที่โชว์บนแอปหมอพร้อม โดยผู้ป่วยสามารถแสดงหน้าจอ บัตรประชาชนเพื่อยืนยันกับเภสัชกร ณ ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการแถวบ้าน รับยาที่บ้าน หรือร้านยา ทุกอย่างออนไลน์ได้

นอกจากนี้สามารถเลือกรับยาผ่านไปรษณีย์ แต่ตามหลักการจ่ายยาแล้วเภสัชกรจะต้องอธิบายวิธีการใช้ยาจึงจะเสร็จสิ้นกระบวนการ แต่ในกรณีใหม่เภสัชกรจะทำวิดีโอคอลหาผู้ป่วยเพื่ออธิบายและแนะนำวิธีการใช้ยาให้ถูกต้อง

สามารถรับยาได้ที่ร้านขายยาใกล้บ้าน หรือรอรับทางไปรษณีย์ได้ในเดือนมีนาคม 2567 จะมีการขยายจังหวัดนำร่อง 30 บาทรักษาทุกที่ อีก 8 จังหวัด

  1. เพชรบูรณ์
  2. นครสวรรค์
  3. หนองบัวลําภู
  4. อํานาจเจริญ
  5. นครราชสีมา
  6. สิงห์บุรี
  7. สระแก้ว
  8. พังงา
อุ๊งอิ๊ง 30 บาท
ภาพ @กระทรวงสาธารณสุข

6. มีบริการพบแพทย์ทางไกล

ผู้ป่วยที่ต้องพบแพทย์เฉพาะทาง แต่การเดินทางไม่เอื้ออำนวย สามารถใช้ระบบบริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อติดต่อกับหมอประจำโรงพยาบาลจังหวัดนั้น ๆ

ผู้ป่วยสามารถขอรับบริการแพทย์ทางไกล หรืออาจเดินทางไปยังโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อขอเข้าพบแพทย์ผ่านทางออนไลน์ โดยจะเลือกรับยาที่บ้าน ร้านยาใกล้บ้าน หรือ ผ่านไปรษณีย์ก็ได้เช่นเดียวกัน

7. บันทึกประวัติสุขภาพออนไลน์

เพื่อลดขั้นตอนซักประวัติที่ไม่จำเป็นในบางเคส สำหรับประชาชนที่ถือบัตรทองอยู่แล้ว ท่านจะมีข้อมูลด้านสุขภาพทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ในหมอพร้อม เพื่อเชื่อมโยงประวัติการรักษาให้ถึงกันทุกโรงพยาบาล ข้อดีที่เพิ่มขึ้นนั่นก็คือ ไม่เสียเวลาในการซักประวัติใหม่ และช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

8. การรักษาโรงมะเร็งครบวงจร

สิทธิที่เพิ่มเข้ามาจากสิทธิบัตรทองเดิม คือ การรักษามะเร็งครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มเด็ก การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม หากตรวจพบก็จะถูกส่งต่อเข้ารับการรักษาต่อไป

ทั้งนี้สามารถตรวจสอบรายชื่อหน่วยบริการเอกชน 4 จังหวัดบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ได้ที่เว็บไซต์ สปสช. หรือที่ลิงก์ www.nhso.go.th

30 บาท รักษาทุกที่ อุ๊งอิ๊ง

ขอบคุณข้อมูลจาก : 1,2,3

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

Peangaor

นักเขียนประจำ Thaiger จบการศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มศว เชี่ยวชาญข่าวบันเทิงและบทความไลฟ์สไตล์ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาชี้แจงแตกประเด็นในรูปแบบย่อยง่ายเหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง รวมถึงเรื่อง Pop culture ซีรีส์ อาหาร และเทรนด์แฟชั่นที่กำลังอินเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ preme@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button