สลด แม่ผีน้อยเปิดเผย ลูกสาวถูกตม. เกาหลีจับกุม ข้อหาลักลอบเข้าเมือง ภายหลังเครียดจนเส้นเลือดสมองแตกและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แม่เผยเคยบินไปดูอาการลูกที่เกาหลีใต้
สำนักข่าว แนวหน้า รายงานข่าวเศร้า หญิงวัย 49 ปี ในพื้นที่ ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เปิดเผย ลูกสาวลักลอบไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย หลังจากนั้นจึงขาดการติดต่อกับครอบครัว รู้ข่าวอีกทีลูกถูกจับข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลังจากโดนจับเพื่อนของลูกโทรแจ้งข่าว ลูกสาวเส้นเลือดในสมองแตกและเสียชีวิตในภายหลัง
นางกิ่งแก้ว มนตรี อายุ 49 ปี แม่ผู้เสียชีวิต ได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดว่า ลูกสาวของตน นางสาวอุษา คงเก่ง อายุ 26 ปี เริ่มแรกเดิมทีลูกสาวทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ภายหลังได้โทรมาบอกว่าจะไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ตนก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก รู้แค่เพียงการเดินทางครั้งนี้เป็นการไปแบบผิดกฎหมายอย่างแน่นอน
ในระหว่างที่ลูกสาวทำงานที่เกาหลีใต้ ก็ได้ติดต่อกับลูกอยู่เรื่อย ๆ ต่อมาได้ทราบข่าวว่าลูกถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมได้ 3 วันแล้วในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 และได้พูดคุยกันครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 หลังจากนั้นในช่วงเวลา 19.00 น. ของวันเดียวกัน ตนได้รับข่าวจากเพื่อนของลูกว่า ลูกสาวเธอป่วยหนัก มีอาการเส้นเลือดแตกในสมองต้องรักษาในห้อง ICU ยอมรับว่าตกใจมาก เพราะพึ่งคุยกันเมื่อเช้า อีกทั้งลูกสาวไม่มีโรคประจำตัวอีกด้วย
หลังจากทราบข่าว จึงรีบติดต่อหาคนรู้จักที่ไปทำงานเกาหลีใต้เพื่อจะขอให้ช่วยเหลือนำลูกกลับมารักษาที่ประเทศไทย แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้เต็มที่เนื่องจากไปทำงานแบบผิดกฎหมายเช่นกัน จึงได้หาทางช่วยโดยต้องมีค่าใช้จ่ายถึง 150,000 บาท ทางแม่ก็ยอมทำตามแม้จะไม่มีเงินมากนัก จึงได้พยายามหาเงินและทยอยโอนไปเป็นเงิน 68,000 บาท แต่ไม่มีความคืบหน้าตามมา
ตนจึงประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้ จนสามารถเดินทางไปที่เกาหลีใต้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 เมื่อไปเยี่ยมพบว่า ลูกสาวอยู่ในอาการโคม่า นอนอยู่ในห้อง ICU และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จนกระทั้งในวันที่ 9 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 2.36 น. ตามเวลาของเกาหลีใต้ ลูกสาวจึงได้เสียชีวิตลง
ด้านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกสาวแต่อย่างใด พร้อมแสดงหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดให้แม่ดู อีกทั้งมีเอกสารจากทางโรงพยาบาลยืนยันว่าลูกสาวป่วยเส้นเลือดในสมองแตกและเสียชีวิตในเวลาต่อมาจริง อีกทั้งยังช่วยนำศพลูกกลับมาบำเพ็ญกุศลที่ไทย พร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลืองานศพเป็นเงิน 1 ล้านวอน (ประมาณ 27,000 บาท) ด้านเงินที่เคยจ่ายไปตอนแรก 68,000 บาท ตนไม่รู้จะได้คืนเมื่อไหร่ จึงฝากเป็นอุทาหรณ์สำหรับใครที่อยากทำงานต่างประเทศ ควรไปแบบถูกกฎหมาย หากเกิดเหตุสุดวิสัยจะสามารถติดต่อประสานงานได้ง่ายกว่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
