สหภาพยุโรป ร่างกฎหมายควบคุม AI ฉบับแรก หวั่นถูกใช้ในทางมิชอบ
สหภาพยุโรปทำข้อตกลง ออกกฎหมายควบคุมปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ฉบับแรกของโลก เพื่อความปลอดภัยของมนุษยชาติ
เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2023 ที่ผ่านมา สำนักข่าว CNN รายงานว่าทางสหภาพยุโรปกำลังออกร่างกฎหมายควบคุมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ฉบับแรกของโลก โดยกฎหมายฉบับนี้ถูกเรียกว่าพระราชบัญญัติ AI ซึ่งในตัวบทกฎหมายจะมีการกำหนดกรอบการกำกับดูแลเพื่อส่งเสริมการพัฒนา AI ในขณะเดียวกันก็จัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว กฎหมายห้ามการใช้ AI ที่เป็นอันตรายซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่ชัดเจนต่อความปลอดภัย การดำรงชีวิต และสิทธิของประชาชน
กฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลของมวลมนุษยชาติ เกี่ยวกับความสามารถอันไร้ขีดจำกัดของปัญญาประดิษฐ์ ที่อาจเป็นภัยคุกคามได้ในอนาคต ซึ่งในการแถลงข่าวของรัฐสภายุโรป โรเบอร์ตา เมตโซลา (Roberta Metsola) ประธานรัฐสภาคนปัจจุบัน กล่าวถึงกฎหมายนี้ว่าเป็นแนวทางที่สมดุลและมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง แบะถือเป็นการกำหนดมาตรฐานระดับโลกเกี่ยวกับวปัญญาประดิษฐ์ที่อาจจะคงอยู่ไปในอีกหลายปีข้างหน้า
เกี่ยวกับขอบเขตการควบคุมปัญญาประดิษฐ์นี้ได้รับการเสนอครั้งแรกเมื่อปี 2021 โดยการควบคุมจะจัดประเภทการใช้งาน AI ตามระดับความเสี่ยง โดยระดับการใช้งานที่ความเสี่ยงสูงก็จะมีการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น และระดับการใช้งานที่เข้าข่ายอันตรายและเป็นภัยก็จะถูกสั่งห้ามใช้งาน
การใช้งานที่มีความเสี่ยงสูงสุดจะรวมไปถึงการใช้ AI หาผลประโยชน์จากกลุ่มผู้เปราะบาง การใช้เพื่อรุบุตัวตนทางชีวิมิติ (Biometric) ของหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย และปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ subliminal techniques อย่างบิดเบือน
ส่วนการใช้งานปัญญาประดิษฐ์แบบที่มีความเสี่ยงจำกัด เช่น แชตบอท ChatGPT ของบริษัท OpenAI หรือเทคโนโลยีที่สร้างคอนเทนต์จำพวกรูปภาพ เสียง หรือคลิปวิดีโอ ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส กล่าวคือต้องมีการระบุทุกครั้งว่าเป็นคอนเทนต์ที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นที่นิยมหลังจากบริษัท OpenAI เปิดตัวแชตบอต ChatGPT เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 หลังจากนั้นไม่นานบริษัทด้านเทคโนโลชั้นนำทั่วโลกก็ต่างพากันแข่งขันสร้างปัญญาประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตัวเอง ในทางกลับกันผลกระทบจากการใช้ AI ก็มีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลงานสร้างสรรค์ของศิลปินที่ถูกปัญญาประดิษฐ์นำไปดัดแปลง ซึ่งอาจเป็นบ่อเกิดของผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ในอนาคต