เลขมงคล ในหลวง-พระราชินี เสด็จเยือนจีน สานสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี
เลขมงคลจากพระราชกรณียกิจครั้งประวัติศาสตร์ เสด็จฯ เยือนจีน 13–17 พฤศจิกายน 2568 เที่ยวบิน TG8886 ร่วมในวาระครบรอบ 50 ปี สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน
พสกนิกรชาวไทยและผู้ที่ติดตามความเคลื่อนไหว ต่างให้ความสนใจกับเลขมงคล จากพระราชกรณียกิจครั้งสำคัญ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ (State Visit)
ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน ระหว่างวันที่ 13–17 พฤศจิกายน 2568 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน

แนะนำ เลขมงคล ที่เกี่ยวข้องกับพระราชภารกิจ
เนื่องด้วยพระราชกรณียกิจการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในครั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่ประชาชนชาวไทยให้ความสนใจและติดตามอย่างใกล้ชิด
สำหรับผู้ที่ติดตามเลขมงคลในเชิงความเชื่อส่วนบุคคล มักจะนำตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจครั้งสำคัญนี้ ไปพิจารณาเป็นแนวทาง โดยตัวเลขที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
วันที่และเวลาเสด็จฯ โดยทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินออกจากประเทศไทย ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 (13/11/68) เมื่อเวลา 10.20 น. โดยมีกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินเยือนรวม 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 ถึง 17 พฤศจิกายน
ในส่วนของเลขเที่ยวบินพระที่นั่ง ข้อมูลจากสำนักพระราชวังระบุชัดเจนว่า ใช้เที่ยวบินของการบินไทย ได้แก่ เที่ยวบินไปปักกิ่ง TG 8886 และเที่ยวบินกลับดอนเมือง TG 8887 ซึ่งเลข 8 ที่เรียงกันหลายตัวนี้ ในมุมมองสายมู มักถูกมองว่าเป็นเลขแห่งความมั่งคั่งและความต่อเนื่อง
สำหรับเลขครบรอบ “50 ปีสัมพันธ์ไทย–จีน” โดยวาระสำคัญนี้ คือการครบรอบ 50 ปี (50 – 05) ซึ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975)
ทั้งนี้ ตัวเลขที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงมุมมองด้านความเชื่อ ของประชาชนที่เฝ้าติดตามพระราชกรณียกิจอย่างใกล้ชิดเท่านั้น ไม่ได้มีการระบุหรือแนะนำจากหน่วยงานทางการแต่อย่างใด และไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์ใด ๆ ได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมข้อมูล

ย้อนประวัติ “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” สานสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน แบ่งออกเป็นสองช่วงหลัก คือ ยุคโบราณ ที่มีการติดต่อค้าขายและวัฒนธรรม กับ ยุคสมัยใหม่ ที่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนมีมานานนับพันปี เริ่มต้นตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย ซึ่งมีการติดต่อค้าขายและรับอิทธิพลทางวัฒนธรรมหลายด้าน เช่น เทคโนโลยีการทำเครื่องปั้นดินเผา
ในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น ความสัมพันธ์นี้ดำเนินไปในรูปแบบของ ระบบบรรณาการ (จิ้มก้อง) ซึ่งไทยจะส่งทูตและเครื่องบรรณาการไปถวายจักรพรรดิจีนตามประเพณี แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตแบบรัฐต่อรัฐตามอย่างสากลในปัจจุบัน แต่ความสัมพันธ์ระดับประชาชนและราชสำนักก็มีความแน่นแฟ้นมาก
ความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างชาวไทยและชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในไทย ทำให้เกิดคำกล่าวที่คุ้นหูว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”
ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 การสถาปนาครั้งนี้เกิดขึ้นในบริบททางการเมืองระหว่างประเทศที่ซับซ้อน โดยมีปัจจัยจากมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและราบรื่น โดยเป็นแบบอย่างของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีระบบการปกครองที่แตกต่างกัน
1. การแลกเปลี่ยนการเยือน
ผู้นำของทั้งสองประเทศมีการแลกเปลี่ยนการเยือนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ของไทยที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนหลายครั้ง ซึ่งช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
2. ความร่วมมือเชิงลึก
ทั้งสองฝ่ายได้ขยายความร่วมมือในหลายด้าน เช่น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, การศึกษา, วัฒนธรรม, สาธารณสุข, ความมั่นคง, และด้านตุลาการ
3. ข้อตกลงสำคัญ
มีการลงนามในข้อตกลงและสนธิสัญญาต่าง ๆ มากมาย เช่น สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน และความตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างกันในปัจจุบัน
4. เศรษฐกิจ
จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย มีการลงทุนและการค้าระหว่างกันอย่างมหาศาล รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทรงสิริโฉม พระราชินี เคียงข้าง ในหลวง เสด็จฯ เยือนจีน ฉลอง 50 ปีสัมพันธ์
- ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ เยือนจีน ‘สี จิ้นผิง-ภริยา’ เฝ้าฯ รับเสด็จ
- อนุทิน เผย ปธน. จีน กราบบังคมทูลต่อหน้าพระพักตร์ในหลวง สั่งซื้อข้าวไทย 5 แสนตัน
ภาพจาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News:



