รวบหนุ่มจีน ลักพาตัวสาวจีน ก่อนซิ่งชนบนทางด่วน สาวหนีรอดมาได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมหนุ่มจีน ลักพาตัวสาวจีน มัดมือมัดเท้า ก่อนซิ่งชนบนทางด่วน ทำให้หญิงหนีรอดมาได้ ตำรวจเผยยังไม่พบเอี่ยวจีนเทา
เมื่อช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 14 กันยายน พ.ต.ท.ธนาคาร อ่อนจันทร์ หัวหน้างานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน2 กก.2 บก.จร. (สน.ทางด่วน 2) รับแจ้งมีเหตุลักพาตัวหญิงสาวชาวจีนขึ้นรถเก๋งโตโยต้า รุ่น ยาริส สีเงิน เกิดอุบัติเหตุชนท้ายคันอื่น บริเวณหน้า รพ.ปิยะเวท ถนนพระราม9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ใกล้ทางลงถนนพระราม 9 ทว่าในจังหวะที่เกิดอุบัติเหตุนั้น มีหญิงชาวจีนออกมาจากท้ายรถและขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ในที่สุด
จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุรถเก๋งมีสภาพกระจังหน้า ฝากระโปรงบุบ และไฟหน้าด้านซ้ายได้รับความเสียหาย พบนายจ้าว วู่ หลิน ชาวจีน อายุ 36 ปี เป็นคนขับ จึงเข้าจับกุม ส่วนรถคู่กรณีเป็นฟอร์จูนเนอร์สีขาว ถูกชนได้รับความเสียหายเล็กน้อย มีนายสมพงษ์ อายุ 33 ปี เป็นคนขับ
นายสมพงษ์ เล่าว่า ขณะตนขับรถบนด่วนศรีรัชรถติดจอดนิ่งอยู่ท้ายแถวบริเวณใกล้ทางลงถนนพระราม 9 ใกล้โรงพยาบาลปิยะเวท ปรากฏว่ามีรถเก๋งโตโยต้ายาริสขับพุ่งชนท้ายด้วยความเร็ว คาดว่าน่าจะเบรกไม่ทัน ตนลงมาดูสภาพรถพร้อมกับคนขับรถคู่กรณีเป็นชาวจีนพูดภาษาไทยไม่ได้ และพยายามเดินวนดูบริเวณโดยรอบของรถด้วยอาการปกติ ไม่ได้มีท่าทีร้อนรนหรือโมโหแต่อย่างใด
ก่อนที่ชายชาวจีนคนดังกล่าวจะใช้ Google Translate แปลภาษาบอกกับตนว่า ขอให้คิดค่าเสียหาย เขาพร้อมจะจ่ายเงินสดให้เพื่อให้เรื่องจบ แต่ตนบอกไปว่า ขอให้พูดคุยผ่าน บ.ประกันภัยดีกว่า ตนจะโทรเรียกประกันให้และให้ฝั่งเขาโทรเรียกประกันมา จากนั้น ตนเดินไปกดสัญญาณเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนที่ตู้ข้างทาง ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถเพื่อโทรเรียกประกัน
ตอนนั้นตนก็ไม่ทราบเหตุการณ์ด้านนอกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนก็เดินทางมาถึงพร้อมกับนำรถของตนและรถของชายชาวจีนลงไปบริเวณด้านล่างทางด่วน เมื่อลงไปได้อีกสักพักหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 เดินทางมาถึง ตนก็เข้าใจว่าน่าจะมาช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์และพาตนกับคู่กรณีไปพูดคุยกันที่โรงพัก
นายสมพงษ์กล่าวอีกว่า ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่มาถึง จับหนุ่มชาวจีนทันที ตนตกใจมากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มาทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภายหลังว่า ระหว่างที่ตนนั่งอยู่ในรถเพื่อโทรเรียกประกันปรากฏว่ามีหญิงชาวจีนคนหนึ่ง วิ่งลงมาจากรถและเรียกแท็กซี่ที่อยู่บนทางด่วนเพื่อขอความช่วยเหลือ ทำให้ตนยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ว่า รถของชาวจีนพาผู้หญิงมาด้วย เพราะระหว่างที่ตนกับคู่กรณีอยู่บนทางด่วนและกำลังตรวจสอบรถอยู่นั้นไม่เห็นว่าจะมีพิรุธหรือจะสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงชาวจีนอยู่ภายในรถ แม้กระทั่งจะเปิดกระจกรถออกมา
ขณะทีในเวลาต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาชาวจีนที่ก่อเหตุอุ้มรีดค่าไถ่ ที่ สน.มักกะสัน ร่วมกับ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.เสนาะ พูนเพชร รรท.ผกก.สน.มักกะสัน
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่า หญิงสาวชาวจีน อายุ 27 ปี มีอาชีพเป็นนายหน้าหาคนไปศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี เดินทางเข้าประเทศไทยหลายครั้งในวีซ่านักท่องเที่ยว โดยครั้งล่าสุดพบเดินทางเข้าประเทศเมื่อวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา หลังจากเดินทางไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีและกลับมาพักผ่อนที่ประเทศไทย ก่อนที่จะมีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับคนร้ายผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรม มีการพูดคุยทำความรู้จักกัน ประมาณ 10 วัน ก่อนที่ในเมื่อช่วงค่ำวานนี้จะนัดเจอกันที่ร้านอาหารปิ้งย่างแห่งหนึ่ง เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน
พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุอีกว่า ภายหลังจากที่ผู้เสียหายทานอาหาร และ ดื่มสุราไปสักระยะ ก็รู้สึกมึนศีรษะ ก่อนจะจำความอะไรไม่ได้ จนในช่วงเช้าวันนี้หญิงสาวผู้เสียหายตื่นมาที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง 81 ซึ่งเป็นที่พักของคนร้าย ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า ซึ่งเมื่อตั้งสติได้ ฝ่ายคนร้ายได้บอกว่าจะพาไปทานอาหาร และพาไปเที่ยวต่อที่พัทยา จ.ชลบุรี จากนั้นคนร้ายพาผู้เสียหายมาขึ้นรถยนต์คันที่ประสบอุบัติเหตุ เพื่อพาไปซื้ออาหารกล่องที่ซุปเปอร์มาเก็ต โดยก่อนหน้านั้นหญิงสาวนั่งคู่กับคนร้ายที่เบาะหน้า แต่เมื่อซื้ออาหารแล้ว ก็ย้ายไปนั่งที่เบาะหลังเพื่อทานอาหาร
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ขณะนั้นเองคนร้ายได้ใช้วาจาข่มขู่ และ บีบคอ หญิงสาวผู้เสียหาย พร้อมกับขับรถไปยังพื้นที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง จากนั้นใช้เชือกมัดมือ มัดเท้าหญิงสาว พร้อมขู่เรียกค่าไถ่จำนวน 200,000 หยวน หรือประมาณ 1 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน จึงได้ติดต่อเพื่อนให้โอนเงินมาให้ โดยได้เงินมาประมาณ 50,000 หยวน หรือ ประมาณ 250,000 บาท มีการโอนเข้าบัญชีเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะตกลงกับหญิงสาวเพื่อพาไปกดเงินและแลกเป็นเงินไทย จากนั้นก็ขับรถขึ้นทางด่วน ด่านศรีนครินทร์ มุ่งหน้าไปทางห้วยขวาง ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนขึ้น
เมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จะเห็นได้ว่าหลังจากเฉี่ยวชนกันบนทางด่วนแล้ว คนร้านได้เดินออกมาเพื่อพูดคุยกับคู่กรณี และเนื่องจากคนร้ายมัดมือมัดเท้าไม่แน่น หญิงสาวจึงปีนมาจากเบาะหลัง ข้ามมายังฝั่งประตูหน้าด้านคนขับ จากนั้นก็วิ่งหนีออกมา ไปขอความช่วยเหลือจากรถแท็กซี่คันสีเหลือง ก่อนที่ตำรวจ บก.จร. จะได้รับแจ้งและมีการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบรถคนร้ายที่ขับลงมาจากทางด่วนเพื่อไกล่เกลี่ยค่าเสียหายกับรถของคู่กรณี จนจับกุมได้ในที่สุด โดยตำรวจพบของกลางเป็นเงินสดจำนวน 100,000 บาท และเงินสกุลต่างๆอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมเชือกที่ใช้มัดหญิงสาว
จากการตรวจสอบประวัติคนร้ายชาวจีนคนนี้ เจ้าตัวรับว่าทำอาชีพเป็นคนขับรถอยู่ที่ดูไบ เดินทางมาจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าประเทศไทยมาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งล่าสุดเข้าประเทศมาเมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา และลงมือก่อเหตุทันที โดยเชื่อว่าการกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำเพียงคนเดียวเพราะหลังจากที่พูดคุยกับหญิงสาวผู้เสียหายแล้วคนร้ายเชื่อว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นคนมีเงิน จึงได้ก่อเหตุเรียกค่าไถ่ เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงกับแก๊งจีนเทาแต่อย่างใด หลังจากนี้ก็จะประสานกับเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน เพื่อตรวจสอบว่าเคยมีประวัติอาชญากรรมที่ประเทศจีนหรือไม่ ส่วนรถที่คนร้ายใช้นั้นเป็นรถเช่ามาตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน วันละ 5,000 บาท และวันนี้คือวันครบกำหนดในการคืนรถด้วย
เบื้องต้นตำรวจจะแจ้งข้อหา เรียกค่าไถ่ , หน่วงเหนี่ยวกักขัง , ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ , และข้อหาอนาจาร โดยต้องรอผลตรวจร่างกายของผู้เสียหายก่อนจึงจะแจ้งข้อหาข่มขืนเพิ่มเติมได้ต่อไป หลังจากนี้จะคุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีและพาไปฝากขังศาลอาญารัชดาเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป