บันเทิงภาพยนตร์

รีวิว ‘The Nun 2′ ภาคต่อสุดยิ่งใหญ่จากจักรวาล ​​’The Conjuring’

รีวิวภาพยนตร์ ‘The Nun 2′ ภาคต่อสุดยิ่งใหญ่ของจักรวาล ​​’The Conjuring’ ภาพยนตร์ภาคสำคัญที่เชื่อมต่อทุกเส้นเรื่องในจักรวาลเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ

‘The Nun 2’ ภาพยนตร์ที่เป็นสุดยอดผลงานการแสดงของ ‘Taissa Farmiga’ ซึ่งหลอมรวมทุกการแสดงของเหล่านักแสดงเข้าด้วยกันได้ลงตัวที่สุด พร้อมด้วยความน่ากลัวของบทภาพยนตร์ที่จะทำให้ผู้ชมประทับใจจนลืมไม่ลง

หลาย ๆ คนอาจคิดว่า ภาพยนตร์ผีแฟรนไชส์จักรวาล The Conjuring ที่มีมากถึงแปดเรื่องคงจะเริ่มหมดความสนุก ความตื่นตาตื่นใจที่ผู้ชมเคยได้รับอาจเบาบางและเลือนลางน้อยลงทุกที แต่ไม่ใช่กับ The Nun อย่างแน่นอน เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้นับว่าเป็นภาพยนตร์แฟรนไชส์แนวสยองขวัญที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน ทำรายได้รวมทั้งสิ้นกว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ในบ็อกซ์ออฟฟิศ รวมถึงภาพยนตร์ The Nun II ซึ่งก็เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่จะพาทุกคนไปดื่มด่ำกับความรู้สึกเขย่าขวัญเช่นที่ทุกคนเคยได้รับมา อีกทั้งจะเป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่เรียกเสียงตอบรับจากผู้ชื่นชอบในภาพยนตร์แนวนี้ได้อย่างดีทีเดียว แน่นอนว่าพวกเขาจะกลับมาย้อนดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า

The nun II

ภาพยนตร์ภาคต่อโดยตรงของ The Nun อย่างภาพยนตร์ ‘The Nun 2’ นี้ เป็นการนำเสนอเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอีกห้าปีต่อมาหลังจบเหตุการณ์ในภาคแรก เส้นเรื่องในภาพยนตร์ภาคนี้จะเริ่มต้นโดยการเล่าถึงซิสเตอร์ไอรีน (รับบทโดย Taissa Farmiga) ที่อาศัยอยู่ ณ คอนแวนต์แห่งใหม่ในฝรั่งเศส เธอสามารถหนีจากปีศาจ Valak (รับบทโดย Bonnie Aarons ผู้ทำหน้าที่ในบทบาทนี้ได้อย่างสมบูรณ์และน่าชื่นชม) พร้อมกับไล่ส่งปีศาจกลับลงนรก

ถึงแม่จะเป็นเช่นนั้น แต่เหตุการณ์แปลก ๆ ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เหล่าบุคคลสำคัญในโบสถ์เสียชีวิตลงอย่างลึกลับ เป็นสัญญาณว่าปีศาจตนนั้นอาจกลับมา และซิสเตอร์ไอรีนเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวในคริสตจักรที่รอดชีวิต อีกทั้งยังสามารถเอาชนะความชั่วร้ายของปีศาจตนนี้ได้ วินาทีนั้นเองชีวิตของเธอจึงได้กลับไปสู่ความมืดดำที่เธอเคยคิดว่าเธอหนีรอดจากมันมาได้แล้ว

ภาพยนตร์ ‘The Nun 2’ นับว่า ดำเนินเรื่องได้อย่างสมบูรณ์ ภาพความนองเลือด ความสยดสยองที่เคยส่งต่อความรู้สึกหวาดผวาให้แก่ผู้รับชมอย่างน่าประทับใจ เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญของภาพยนตร์ในจักรวาล Conjuring อันได้ช่วยเติมเต็มความลึกลับที่น่าพิศวงให้กับเส้นเรื่องที่ถูกร้อยเรียงอยู่ในภาพยนตร์จักรวาลนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็นำเสนอความโดดเด่นและแข็งแกร่งให้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมด้วย

ภาพยนตร์ภาคต่อนี้สร้างจากเรื่องราวที่ร้อยเรียงโดย Akela Cooper ซึ่งได้ร่วมมือกับ Ian Goldberg และ Richard Niang ในการเขียนบทภาพยนตร์สุดสยองนี้ขึ้นมา ด้วยรูปแบบของการดำเนินเรื่องที่อาศัยการเว้นจังหวะ จากนั้นจึงค่อยดำเนินเรื่องจ่ออย่างรวดเร็ว เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมรู้สึกตื่นตัว เหตุนี้ภาพยนตร์ ‘The Nun II’ จึงถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ยอดเยี่ยม ซึ่งได้ถ่ายทอดศักยภาพจากความเชี่ยวชาญในด้านการสร้างสรรค์ภาพยนตร์แนวสยองขวัญ

ก่อนหน้านี้ Akela Cooper เคยเขียนบทภาพยนตร์ Instant Classics อย่าง Malignant และ M3GANและจากผลงานที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเช่นนี้ เมื่อใดที่ชื่อของเธอปรากฏอยู่ในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องใดก็ตาม เมื่อนั้นก็จะตามด้วยความตื่นเต้นที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังจากผู้ชม Akela Coope, Ian Goldberg และ Richard Niang ได้ร่วมมือกันสร้างสุดยอดเหตุการณ์ไคลแม็กซ์อันยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์อย่างหาที่ติไม่ได้ ซึ่งพวกเขาได้เริ่มทิ้งเศษเสี้ยวของปริศนาที่สำคัญไว้ในแต่ละเหตุการณ์ที่ปรากฏในเรื่องไว้อย่างแยบยล และเมื่อการเริ่มไขปริศนาเริ่มต้นขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างสมบูรณ์

‘The Nun II’ เข้าถึงผู้ชมด้วยสุดยอดเอฟเฟ็กต์ที่ทรงพลัง

ผู้กำกับ Michael Chaves ซึ่งก่อนหน้านี้เคยฝากผลงานไว้ในภาพยนตร์ The Conjuring: The Devil Made Me Do It ได้กลับมานั่งเก้าอี้ผู้กำกับอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งได้ช่วยเติมเต็มความรู้สึกให้แก่ภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่ The Nun ก็เป็นหนึ่งภาพยนตร์หลายคนอาจมองว่า น่าเบื่อที่สุดในจักรวาล Conjuring ที่ได้ดำเนินเรื่องราวเชื่องช้าและค่อนข้างน่ากลัวเกินไป แต่นับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่ภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้กลับไม่ได้แสดงจุดอ่อนเหล่านั้นออกมาเลย

นอกเหนือจากบทภาพยนตร์ที่ดำเนินไปอย่างไร้ที่ติ ด้วยความสามารถในการเขียนบทของ Akela Cooper ของคูเปอร์แล้ว Michael Chaves ยังถ่ายทอดความลึกซึ่งที่แสนละเอียดอ่อนลงไปในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รุปแบบที่ภาคก่อน ๆ ทำไม่ได้ ในด้านของตัวละครและความสัมพันธ์ของพวกเขามีความชัดเจนขึ้นอย่างมาก อีกทั้งการนำเสนอภาพย้อนอดีตที่มีแสนมีเสน่ห์ ซึ่งเมื่อหประกอบเข้ากับการแสดงที่สะเทือนอารมณ์ของเหล่านักแสดง ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านั้นได้ส่งผลทำให้ภาพยนตร์ในจักรวาล Conjuring ถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับจากภาพยนตร์ในจักรวาลนี้นอกไตรภาคหลัก อย่าง Conjuring ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนผิดของใครแต่อย่างใด

บทสรุปของ ‘The Nun’ ที่ต้องจดจำก่อน Valak จะหลอกหลอนอีกครั้งในภาคต่อ

นอกเหนือจากความสมบูรณ์แบบที่ได้กล่าวไปแล้ว The Nun II ยังส่งต่อความหวาดกลัวที่ทำให้ผู้ชมหัวใจเต้นรัว ในรูปแบบที่ผู้ชมจะขว้างป๊อปคอร์นไปทั่วโรงละคร ซึ่วจะสวนทางกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของ The Conjuring: The Devil Made Me Do It ที่หลายคนบอกกันว่า ยังทำได้ไม่ดีพอ ยังไม่น่ากลัวพอ ซึ่งภาพยนตร์ The Nun II สามารถทำได้ Michael Chaves สร้างความตึงเครียดให้กับผู้ชมภาพยนตร์อย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงค่อย ๆ ทะยานความน่ากลัวขึ้น ในแบบที่ต้องยกนิ้วชื่นชม อีกทั้งเขายังยังประโยชน์จากเอฟเฟ็กต์ในภาพยนตร์ได้น่าประทับใจอย่างมาก ภายใต้กลิ่นอายความรู้สึกแบบเก่า ๆ

สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดอย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งได้ปรากฏอยู่ในตัวอย่างภาพยนตร์ ซึ่งก็คือฉากที่ Valak พุ่งจู่โจม Sister Irene จากหน้าแผงหนังสือ โดย Michael Chaves ได้เผยว่า ความน่าหวาดกลัวเช่นนั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ปรากฏอยู่บนกล้อง เบื้องหลังในระหว่างการสร้างภาพยนตร์ เมื่อใครสักคนเสนอถึงแนวคิดนี้ “ทุกคนก็แบบว่า ‘เราจะทำแบบนั้นได้ยังไง?” ในวินาทีนั้นผมจึงคิดขึ้นว่า “เอาล่ะ เราควรทำทุกอย่างในกล้อง เราควรพิมพ์นิตยสารเหล่านี้ทั้งหมด จากนั้นจึงคิดหากลไกทำให้ทั้งหมดนั่นหมุน จากนั้นก็เป่าด้วยลม แต่สำหรับนิตยสารบางเล่มก็อาจต้องควบคุมมากขึ้นนิดหน่อย” และการทำงานหนักเช่นนั้นได้ผลตอบแทนเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้

ไม่เพียงเท่านั้น ‘The Nun II’ ยังมีฉากที่ยิ่งใหญ่ด้วย ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ซึ่งเกิดขึ้นในอารามเก่าที่กลายเป็นโรงกลั่นเหล้าองุ่นและกลายเป็นโรงเรียนประจำนั้น ได้ปรากฏตัวละครที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเขา ท่ามกลางความวุ่นวายของพื้นที่พังทลายลงใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา Michael Chaves ได้นำเสนอภาพเหตุการณ์เหล่านี้ออกมาในรูปแบบที่ผู้ชมเกิดความรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังนั่งเครื่องเล่นในสวนสนุกที่แสนบิดเบี้ยว คล้ายกับอะไรบางอย่างที่ออกมาจาก Halloween Horror Nights

แม้ว่ามันอาจจะดูไม่เข้าท่าในความคิดของบางคน แต่ในฐานะคนรักรถไฟเหาะที่คิดว่าตนเองเป็นคนรักรถไฟเหาะคนหนึ่ง ความรู้สึกเช่นนั้นที่ถ่ายทอดอกมาจากภาพยนตร์ทำให้ฉันแทบจะลุกจากที่นั่ง และในฉากสุดท้ายของ ‘The Nun II’ ยังมีการกล่าวถึงสัตว์ประหลาดตัวใหม่ที่ Valak เสกขึ้นมา เพื่อไล่ล่าเด็กสาวที่โรงเรียนประจำ ตัวละครใหม่ที่แปลกประหลาดนี้สัมพันธ์กับตำนานซาตานที่มีอายุหลายศตวรรษ ซึ่งนับเป็นองค์ประกอบที่น่าขนลุกควบคู่ไปกับตัวละครอย่าง Valak และ Annabelle

อีกทั้ง Michael Chaves ยังไม่ทอดทิ้งความหวาดกลัวในอดีตและองค์ประกอบภาพอื่น ๆ จากภาพยนตร์ในจักรวาลนี้ ฉากยืนในหนังสือพิมพ์มีความคล้ายคลึงกับฉากเปิดเรื่องใน The Conjuring 2 ที่ Lorraine Warren ถูกโจมตีครั้งแรกโดย Valak จาก The Nun II รวมถึงการเชื่อมโยงสองตัวละคร อย่าง Sister Irene และ Lorraine Warren โดยเผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทั้งสองเกี่ยวข้องกันอย่างไร และแน่นอนว่านอกเหนือจากการรับบทบาทโดยน้องสาวในชีวิตจริง ด้วยการใช้ฟุตเทจก่อนหน้านี้และตำนานที่ได้รับการศึกษามาอย่างถี่ถ้วน The Nun II ยังเชื่อมโยงส่วนต่าง ๆ ของจักรวาล ​​Conjuring ที่แตกต่างกันในอดีต เพื่อให้เชื่อมโยงเข้าด้วยกันในลักษณะที่จะทำให้แฟน ๆ อยากย้อนกลับมาดูผลงานภาพยนตร์ภาคก่อน ๆ อีกครั้ง

สุดท้ายนี้ ‘The Nun II’ ได้เปิดฉากตำนานอันลึกซึ้งให้กับภาพยนตร์ในจักรวาล ​​Conjuring ผ่านการนำภาพยนตร์ในจักรวาลนี้ทั้งหมดมาร้อยเรียงกันในรูปแบบที่สร้างสรรค์และน่าดึงดูด ที่เปี่ยมไปด้วยความน่าประทับใจ และสิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือ ผู้ชมห้ามลุกจากที่นั่งและอยู่ชมฉากท้ายเครดิต ก่อนจากกันไปความสุดยอดของภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนประกอบสร้างขึ้นจากบทภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม การสร้างสรรค์ตัวละครที่มีความสมดุลและสมบูรณ์ อันได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความหวาดผวาให้กับภาพยนตร์

รีวิวภาพยนตร์ 'The Nun II' ภาคต่อสุดยิ่งใหญ่จากจักรวาล ​​'The Conjuring'
ภาพจาก : imdb

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button