ข่าว

นักเรียนพิการให้ครูยืมเงิน 20,000 จบยังไง ? ตอนเอาตังค์มาถึงบ้าน พอจะคืนให้ไปที่เขตฯ

ฟังทั้งสองมุม กรณีครูยืมเงินนักเรียนพิการ 20,000 คืนไม่ครบ จ่ายมาแค่ 5 พัน ตอนยืมมาถึงบ้าน พอจะคืนเรียกไปเขตพื้นที่การศึกษา พร้อมสอบสวนตั้งข้อหาหนัก เอาเงินมาจากไหน ฝั่งแม่พิมพ์ของชาติ อ้างเงินที่ยืมเป็นของแม่เด็ก ติดต่อไม่ได้เพราะบัญชีโซเชียลใช้การไม่ได้ ติดใจนักข่าวมาที่โรงเรียน บอก ถ้าจ่ายเงิน 15,000 บาท ใน 7 วัน เรื่องจบไม่เป็นข่าว

กลายเป็นเรื่องราวที่เกือบจะลุกลามบานปลายใหญ่โต หลังจากเมื่อวันที่ 17 ส.ค.66 ที่ผ่านมา หญิงสาวรายหนึ่งพร้อมด้วยบุตรสาววัย 14 ปี ออกมาร้องเรียนสื่อมวลชน หลังทั้งคู่ถูกครูสาววัย 27 ปี ซึ่งทำการสอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มายืมเงินจากลูกสาวซึ่งเป็น นักเรียนหญิงที่พิการทางการเคลื่อนไหว เดินขาเขย่ง

โดยเงินที่ยืมไปทางผู้เสียหายระบุเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 20,000 บาท ได้ติดต่อขอยืมไปตั้งแต่เดือน ก.พ.2566 พร้อมสัญญาว่า จะคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยภายใน 2 เดือน แต่ต่อมา ครูสาวผิดนัดชำระหนี้สินที่ติดค้างกันไว้กับลูหกศิษย์ โดยคืนเงินเด็กกลับมาแค่ 5,000 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่ครบตามยอดจำนวนเต็มที่มาขอยืมไป

แถมฝั่งของเด็กและมารดายังบอกกับนักข่าวว่า ครูไม่จ่ายยอดค้างที่เหลือต่อ พร้อมกับบล็อกการติดต่อ จนผู้เสียหายและครอบครัวทนไม่ไหวต้องออกมายื่นเรื่องร้องเรียนไปทั้งกับทางโรงเรียน รวมถึงร้องเรียนสื่อมวลชนให้ช่วยติดตามความคืบหน้า

ส พ ป บุรีรัมย์ เขต 4
ภาพ Facebook @dailynewsonlinefan

นิติกร เขตพื้นที่การศึกษานัดหมายให้ครูมาจ่ายเงินค้างไว้ 15,000 บาท

ต่อมาหลังทางโรงเรียนทราบเรื่องก็ได้มี นิติกรของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 4 นัดหมายให้ครูมาจ่ายเงินค้างไว้ 15,000 บาท

ทั้งนี้ ในส่วนของการนัดหมายครูผู้สอนกับผู้เสียหายมานัดเลคียร์กันนั้น มีรายงานว่า ผอ.เขตพื้นที่การศึกษากลับแสดงพฤติกรรมโวยวาย มีการห้ามให้สื่อบันทึกภาพ โดยให้เหตุผลว่าเพราะเป็นสถานที่ราชการ หากจะกระทำการใด ๆ จะต้องทำหนังสืออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร รวมถึงยังห้ามนักข่าวเข้าไปในตัวอาคาร โดยกำชับเจ้าหน้าที่รักษาึความปลอดภัย (รปภ.) คอยคุมกองทัพสื่อมวลชนไว้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการนัดพูดคุยเสร็จสิ้น แม่เด็กวัย 14 ปี ก็ออกมาเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ครูที่ยืมเงินมาพร้อมกับผู้อำนวยการแล้วสำนักงานเขตฯ ก็กล่าวหาเด็กว่า เด็กเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหมด ได้ยินดังนั้นลูกสาวก็ตกใจมาก คิดว่าต้องมีคดีความ หันมาหาแม่พร้อมจับขาแม่ไว้แน่น

จากนั้นก็มีการสอบสวนที่มาของเงินว่าเอามาจากไหน อายุ 14 ปี ถึงมีเงินเก็บมากขนาดนี้ สุดท้ายทราบว่า ตัสเด็กเองขยันทำงานเก็บเงินทั้งรับจ้างซักผ้ารีดผ้า ขายของตามตลาดนัด พอเจ้าหน้าที่ทราบดังนั้นจึงยอมให้ครูจ่ายเงินส่วนที่เหลือ 15,000 บาท

เด็กหญิงวัย 14 ปี กล่าวว่า ตัวเธอนั้นเป็นคนชอบค้าขาย ขายทุกอย่างที่พอขายได้ รับจ้างทุกอย่างที่พอได้เงิน เพื่อเก็บเงินเอาไว้ไปรักษาความพิการของตัวเอง และเป็นทุนการศึกษา

กับเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากนี้ไป คงไม่กล้าให้ใครยืมเงินแล้ว ถ้าเจอคนแบบนี้ จะตั้งใจเรียนทำมาหากินดีกว่า

ทั้งนี้ มารดาของเด็กนักเรียนหญิง ยังกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนตัวเธออยากถามครูว่า ตอนยืมไปยืมถึงในบ้าน ตอนคืนให้มาที่เขตฯ มีการสอบสวนเหมือนตำรวจ ตนก็มีอาชีพครูเหมือนกัน มักจะสอนลูกเรื่องการทำมาหากินเพื่อให้ตัวเองอยู่ได้ ส่วนสาเหตุที่ลูกมีความมุมานะ เพราะคิดว่าต้องหาเงินรักษาตัวเอง เรื่องการผ่าตัดขาไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ มันเป็นการศัลยกรรม

ฟังมุมครู เล่าส่งดอกเบี้ยตลอด รู้แม่เด็กปล่อยกู้จึงทักเฟซบุ๊กติดต่อไปหา

ด้านครูสาว ชี้แจงว่า ไม่ได้ยืมเงินเด็กตามที่เป็นข่าว แต่ยืมเงินแม่ของเด็ก ตนรู้มาว่าแม่ของเด็กปล่อยกู้จึงทักเฟซบุ๊กติดต่อไป ตนไม่รู้ว่าแม่ของเด็กเอาเงินมาจากใคร แต่บัญชีที่โอนให้ตนเป็นชื่อแม่เด็ก

ส่วนประเด็นที่ยืมเงินตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ตนแค่ทักไปถาม ไม่ได้เจอกัน ยืมเงินกันจริงตอนเดือนพฤษภาคม

ทั้งนี้ ตนส่งดอกเบี้ยตลอด มีหลักฐานการโอนและชำระหนี้ เพิ่งขาดส่งดอกเบี้ยเดือนกรกฎาคมเป็นครั้งแรก และไม่ได้หายไปจนติดต่อไม่ได้ ตอนนั้นโทรศัพท์พัง ใช้ไลน์ไม่ได้ แต่ตนยังใช้เฟซบุ๊กและให้เบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว ก็ไม่มีใครติดต่อกลับมา คู่กรณีกลับโผล่มาที่โรงเรียน มาคาดคั้นกับ ผอ. แทน

นอกจากนี้ นักข่าวก็มาที่โรงเรียน บอกว่า ถ้าจ่ายเงิน 15,000 บาทใน 7 วันนี้ เรื่องจบไม่เป็นข่าว แต่ในทางข้อกฎหมาย ไม่สามารถให้คนอื่นมาทวงถามหนี้แทนได้ ผอ. ก็ขอร้องว่า อย่าเพิ่งทำข่าว เพราะกำลังตรวจสอบ หวังหาเงินมาคืนในวันศุกร์ ทว่านักข่าวก็ทำข่าวไปแล้ว

สุดท้าย ตนกับคู่กรณีนัดเคลียร์กันที่สำนักงานเขตฯ และคืนเงินครบถ้วน ไม่มีอะไรติดค้างกัน ตนไม่ติดใจเอาความ แค่อยากชี้แจงในมุมของตน.

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button