ประวัติ ‘ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต’ ไลฟ์โค้ชสายบุญชื่อดัง กับชีวิตที่ไม่ธรรมดา
ปัจจุบันอาชีพไลฟ์โค้ชนั้นเป็นรู้จักกันในวงกว้างของสังคมไทยมากขึ้น เนื่องจากเป็นอาชีพที่คอยให้แนะนำและเป็นที่ปรึกษากับผู้ที่มีปัญหาชีวิต ซึ่งอยู่ในภาวะช่วงที่ต้องการที่พึ่งและสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยไลฟ์โค้ชที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศก็คงหนีไม่พ้นชื่อของ “ครูอ้อย” หรือ “ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต”
สำหรับครูอ้อยนั้นหลายคนเริ่มรู้จักเธอในฐานะผู้หญิงแกร่งที่สามารถปลดหนี้ 100 ล้านบาท ได้ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี กระทั่งมาเป็นผู้เขียนหนังสือ “เข็มทิศชีวิต” ที่กลายมาเป็นหนังสือไลฟ์โค้ชแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตที่ขายดีที่สุดตลอดกาล นอกจากนี้หลายคนยังรู้จักครูอ้อยในฐานะแม่ของไฮโซทะเลอีกด้วย นับว่าเป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียงในหลากหลายด้านจริง ๆ
วันนี้เดอะไทยเกอร์จึงขอถือโอกาสพาทุกคนไปทำความรู้จักสาวแกร่งคนนี้กันสักหน่อย อะไรคือแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูอ้อยกลายมาเป็นไลฟ์โค้ชชื่อดังที่สุดในประเทศไทย ติดตามอ่านไปมพร้อม ๆ กันได้เลย
ประวัติ ‘ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต’ คือใคร ไลฟ์โค้ชสาวแกร่งที่ดาราหลายคนนับถือ
สำหรับ “ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต” มีชื่อจริงว่า “ฐิตินาถ ณ พัทลุง” เกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2512 ปัจจุบันอายุ 54 ปี เป็นลูกสาวของไสวและอารีย์ ณ พัทลุง มีน้องชาย 1 คน ได้แก่ ณรงค์พร ณ พัทลุง (ปลัดแป้น) และน้องสาว 1 คน ได้แก่ ศิริรัตน์ ณ พัทลุง ต.สุวรรณ เจ้าของหนังสือเข็มทิศหัวใจ
ครอบครัวของครูอ้อยนั้นมีฐานะทางการเงินในระดับดีมาก โดยคุณพ่อของครูอ้อยเป็นถึงเจ้าสัวใหญ่ที่รู้จักกันในจังหวัดสงขลา หลายคนรู้จักไสวพ่อของครูอ้อยในฐานะอดีตนายกสมาคมธุรกิจจังหวัดสงขลา เจ้าของโรงแรมพิงค์ เลดี้ หาดใหญ่ เจ้าของธุรกิจบันเทิงที่คนในพื้นที่ รวมไปถึงในด้านการเมือง หลายคนก็รู้จักพ่อของครูอ้ยในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทยประจำภาคใต้
พ่อของครูอ้อยเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างขวาง จึงตัดสินใจส่งครูอ้อยไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษในขณะที่อายุได้เพียง 11 ปีเท่านั้น ประกอบกับความรู้ความสามารถของครูอ้อยจึงทำให้สามารถคว้าวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอนมาได้สำเร็จในสาขาเศรษฐศาสตร์และการบริหารธุรกิจด้วยวัยเพียง 20 ปี
หลังจากที่เรียนจบจากประเทศอังกฤษ ครูอ้อยก็เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อมุ่งมั่นทำธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณี หลังจากสั่งสมประสบการณ์ในด้านี้มาจนถึงปีที่ 5 ครูอ้อยและเพื่อน ๆ ก็ร่วมกันลงทุนสร้างร้านขายอัญมณีชื่อว่า “Diamond Today” ซึ่งต่อมามีการพัฒนาธุรกิจและเปลี่ยนชื่อเป็น “Working Diamond” โดยธุรกิจอัญมณีของครูอ้อยนั้นเติบโตและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2539
ทว่าหลังจากที่ชีวิตของครูอ้อยประสบความสำเร็จสูงสุด ในช่วงปีใหม่ พ.ศ. 2540 ครูอ้อยก็ต้องเผชิญหน้ากับข่าวร้ายเมื่อทราบว่าสามีของตนเองประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตและทิ้งหนี้ไว้ให้ครูอ้อยตามชดใช้มากถึง 100 ล้านบาท ในขณะนั้นมีเพียงลูกชายวัย 11 ขวบ “น้องทะเล” ที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจเพียงอย่างเดียวของครูอ้อย จึงทำให้ครูอ้อยลุกขึ้นสู้และยืนหยัดจัดการแบบแผนในชีวิตของตัวเองใหม่เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาหนี้สินได้
หลังจากที่เจอมรสุมชีวิต ครูอ้อยก็หันหน้าไปพึ่งทางธรรม เดินสายปฏิบัติธรรมเจริญภาวนา พร้อมกับเข้ารับการอบรมวิธีจัดการปัญหาหนี้สินไปด้วย และด้วยความเป็นคนที่มีความสามารถจึงทำให้ครูอ้อยใช้หนี้ 100 ล้านบาท ได้หมดเกลี้ยงภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี ซึ่งจากเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ครูอ้อยเริ่มเป็นที่รู้จักในสังคมไทยมากขึ้นเนื่องจากสื่อได้มีการเผยแพร่เรื่องราวชีวิตของครูอ้อยออกไป
เมื่อครูอ้อยเริ่มมีชื่อเสียง ครูอ้อยก็ได้เขียนหนังสือแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตจากประสบการณ์ในการศึกษาคำสอนพุทธศาสนาออกมาชื่อว่า “เข็มทิศชีวิต” เมื่อปี พ.ศ. 2547 โดยหลังจากที่หนังสือเล่มดังกล่าววางขายได้ไม่นานก็ติดอันดับหนังสือขายดีที่สุดในประเทศไทย ณ ตอนนั้นเลยทีเดียว และอีก 3 ปีต่อมา ครูอ้อยก็ได้ออกหนังสือเข็มทิศชีวิต 2 ในชื่อว่า “กฎแห่งเข็มทิศ” และหลังจากนั้นครูอ้อยก็ออกหนังสือเข็มทิศชีวิตในชื่อตอนอื่น ๆ ออกมาอีกเรื่อย ๆ
กระทั่งในปี พ.ศ. 2560 ครูอ้อยก็ได้ริเริ่มโครงการทำคอร์สอบรมเข็มทิศชีวิตราคาแพงที่มีคนดังหลายคนเข้าร่วมมากมาย และเริ่มเป็นข่าวดราม่าในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับครูอ้อยเพียงคนเดียว ข่าวดราม่าต่าง ๆ ยังเกิดขึ้นกับไฮโซทะเลลูกชายของครูอ้อยอีกด้วย
แม้ปัจจุบันครูอ้อยจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคอร์สอบรมราคาแพง แต่ก็ไม่อาจเลี่ยงที่จะกล่าวได้เลยว่าครูอ้อยก็ยังคงเป็นไลฟ์โค้ชที่ทรงอิทธิพลในประเทศไทยคนหนึ่ง