ประวัติ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ดาวยิงทีมชาติไทย ดีกรีลีกยุโรป
เปิดประวัติ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ฮีโร่ทีมชาติไทยในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ซัด 2 ตุง ช่วยทัพช้างศึกเบียดเอาชนะสิงคโปร์ พร้อมดีกรีดาวยิงลีกเบลเยียม
เรียกได้ว่าคนไทยทั้งประเทศมีความสุขกันถ้วนหน้า หลังจากศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง สาย C นัดที่สอง ทีมชาติไทย บุกไปเอาชนะ ทีมชาติสิงคโปร์ คาสนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์แบบสุดมันส์ 3-1 คว้า 3 แต้มแรกได้สำเร็จ โดยนักเตะที่ผลงานยอดเยี่ยมเป็นที่ประจักษ์คงหนีไม่พ้น เจ้าแบงค์ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ซัดไป 2 ประตูแถมยังเกือบทำแฮตทริกได้อีกต่างหาก วันนี้ Thaiger จะพาทุกคนมาทำความรู้จักเด็กสร้างจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดคนนี้กัน
เปิดประวัติ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ดาวยิงอนาคตไกลทีมชาติไทย
ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ชื่อเล่น แบงค์ เกิดวันที่ 2 สิงหาคม 2545 ปัจจุบันอายุ 21 ปี แบงค์เติบโตมาในครอบครัวชาวนาจาก จังหวัดศรีสะเกษ เจ้าตัวเริ่มหัดเล่นฟุตบอลกับพี่ชายต่างพ่ออย่าง เช็ค-สุภโชค สารชาติ เพราะเพียงแค่เห็นพี่ชายเล่นจึงอยากเล่นตามเพื่อความสนุก ก่อนที่เขาจะผันตัวเป็นนักบอลเดินสายแข่งตามรายการต่างจังหวัด
หลังจากนั้นฟอร์มการเล่นของ เจ้าแบงค์ ก็ไปเข้าตาสโมสรดังอย่าง บุรึรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ตัดสินใจดึงตัวเขาเข้ามาอยู่ในอะคาเดมี่ในวัย 12 ปี ซึ่งที่นี่เองทำให้พรสวรรค์ของ ศุภณัฏฐ์ ในตำแหน่งกองหน้าได้เฉิดฉายยิ่งกว่าเดิม จนสามารถขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของทัพเซาะกราวได้ อีกทั้งยังได้รับโอกาสลงสนามเป็นครั้งแรกในศึก ไทยลีก 1 ด้วยวัยเพียงแค่ 15 ปี 8 เดือน 23 วัน
ก่อนที่เจ้าแบงค์จะได้รับโอกาสลงเล่นให้กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เป็นการแข่งขันระดับทรีปเอเชีย พร้อมกับทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่สามารถทำประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ได้ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี 8 เดือน ผลงานของศุภณัฏฐ์กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลงเล่นทีมชุดใหญ่ทั้งหมด 143 นัด ยิงไป 32 ประตู คว้าแชมป์ไปอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ไทยลีก 3 สมัย, แชมป์ไทยเอฟเอคัพ 1 สมัย, แชมป์ไทยลีกคัพ 2 สมัย และ ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ 1 สมัย
ทั้งนี้ ชื่อของ ศุภณัฏฐ์ ได้ไปปรากฎเป็น 1 ใน 60 นักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามากที่สุดจากทั่วโลกในปี 2019 Next Generation 2019 จากการคัดเลือกจากสื่อดังของอังกฤษอย่าง The Guardian และยังได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน AFF Awards 2019 อีกด้วย
จากเด็กสร้างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สู่การติดทัพช้างศึก
ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นเกินวัย ทำให้เจ้าแบงค์ได้มีชื่อติดทีมชาติไทยชุด U-19 ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ได้ลงทำการแข่งขันนัดแรกในศึกรอบคัดเลือก AFC U-19 Championship 2020 นัดเปิดสนาม ศุภณัฏฐ์ทำประตูได้ถึง 4 ลูก ช่วยให้ไทยเอาชนะบรูไนไป 9-0 ต่อมานัดที่สองก็ยังโชว์ฟอร์มโหดในการซัดไป 5 ประตู ช่วยไทยถลุงหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาไป 21-0
ต่อมาถูกเรียกติดทีมชาติไทยชุด U-23 ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 แบงค์ได้ลงนัดแรกในศึก AFC U-23 Asian Cup รอบคัดเลือก กลุ่ม K นัดที่ 2 กดไป 2 ประตู ช่วยทีมชาติไทยเอาชนะบรูไนไป 8-0 และในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ นัดแรกในวันที่ 8 มกราคม 2563 เจ้าแบงค์ทำ 2 ประตู ช่วยให้ทีมชาติไทยเอาชนะบาเรน 5-0 โดยเป็นการทำสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ในวัย 17 ปี 5 เดือน 6 วัน
ในที่สุดโอกาสในการติดทีมชาติชุดใหญ่ของแบงค์ก็มาถึงในวันที่ 27 กันยายน 2562 เขามีชื่อติดทีมชาติไทยในยุคของอากิระ นิชิโนะ ในนัดกระชับมิตรที่พบกับ ทีมชาติคองโก และหลังจากนั้นแบงค์ก็มีชื่อติดทีมชาติชุดใหญ่อยู่บ่อยครั้ง โดยเจ้าตัวลงสนามกับทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 14 นัด ยิงไป 6 ประตู
เส้นทางใหม่ของศุภณัฏฐ์ในการค้าแข้งลีกยุโรป
หลังจากที่ศุภณัฏฐ์ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดมา 5 ปีเต็ม การเดินทางครั้งใหม่ของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2565 ได้รับโอกาสบินไปทดสอบฝีเท้ากับทีม เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรชื่อดังจากลีกแชมเปี้ยนชิพที่มีเจ้าของเป็นชาวไทย พร้อมทั้งได้รับการเซ็นสัญญากับทีมจิ้งจอกสยามในช่วงกลางปี 2566 ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปอยู่กับ โอเอช ลูเวิน ทีมในลีกเบลเยียม ในระหว่างที่รอจัดการเรื่อง เวิร์ค เพอร์มิท ในประเทศอังกฤษ
แม้ว่าตอนนี้เจ้าแบงค์อาจจะยังยึดตัวจริงไม่ได้ แต่มีโอกาสได้ลงสนามกับโอเอช ลูเวินในฐานะตัวสำรองเป็นส่วนใหญ่ และโชว์ผลงานได้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยนัดล่าสุดของเกมลีกเบลเยียม จูปิแลร์ โปรลีก แม้ว่าทีมต้นสังกัดของแบงค์จะพ่ายแพ้แก่ เกงค์ 3-1 แต่เจ้าแบงค์ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในนาทีที่ 72 และมีส่วนร่วมในประตูตีเสมอในนาทีที่ 85
ด้วยฟอร์มนัดล่าสุดกับทีมชาติไทย เชื่อว่า ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จะได้รับโอกาสจากโอเอช ลูเวินมากขึ้น รวมทั้งด้วยเพียง 21 ปี เจ้าแบงค์มีโอกาสพัฒนาทักษะและความสามารถทางฟุตบอล จนกลายเป็นดาวยิงความหวังใหม่ของวงการฟุตบอลไทยได้อย่างแน่นอน
อ้างอิง วิกิพีเดีย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง