สถานทูตฯ ยืนยัน เที่ยวไทยปลอดภัย ไม่โดน ‘ขโมยไต’ แน่นอน
สถานทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง โพสต์แถลงผ่านทาง Weibo ยืนยันความปลอดภัยในการเที่ยวไทย หลังมีกระแสข่าวปลอมเตือนนักท่องเที่ยวจีน จนหวั่นโดนขโมยไต
จากกรณีข่าวลือในหมู่นักท่องเที่ยวจีนว่า ให้ระวังการมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยเพราะจากอาจโดนขโมยไต หรือขโมยอวัยวะไปขาย จนกลายเป็นไวรัลทั้งในแอปพลิเคชัน Douyin ของจีนและ TikTok ซึ่งข่าวนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่มีต่อไทยเป็นอย่างมาก
ล่าสุดทางสถานเอกอัครราชทูต หรือ สถานทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่ง ได้ออกแถลงการณ์ผ่านว่า Weibo เพื่อยืนยันความปลอดภัยของประเทศไทย รวมถึงการวางแผนรับมือเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นับตั้งแต่จีนเปิดประเทศ โดยข้อความดังกล่าวระบุไว้ดังนี้
“สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ขอเรียนว่า ไทยให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความปลอดภัย และการสร้างความประทับใจของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ
สําหรับเนื้อหาหรือความคิดเห็นต่อความไม่ปลอดภัยในการท่องเที่ยวที่อาจส่งผลต่อความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนั้น ขอชี้แจงว่า นับตั้งแต่สาธารณรัฐประชาชนจีนอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ไทยได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน
รวมทั้งได้มีการเพิ่มช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนสามารถเข้าถึงข้อมูล และแจ้งเหตุฉุกเฉินต่อตำรวจท่องเที่ยวที่พร้อมดูแลอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เข้าใจความห่วงกังวลในเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ขอให้มั่นใจว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยให้ความสำคัญและมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
ซึ่งสะท้อนได้จากการที่ประเทศไทยยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก และมีหลายเมืองที่ได้รับการจัดอันดับจากองค์กรต่าง ๆ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่และมีความปลอดภัย”
หลังจากที่มีประกาศจากทางสถานทูต สื่อหลักในเครือรัฐบาลจีนอย่าง Global Times ก็ได้ออกบทความชี้แจงเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เพื่อช่วยยืนยันถึงข่าวลือว่าไทยมีการขโมยอวัยวะนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมระบุว่า ไม่มีเหตุผลที่ประเทศไทยจะไม่ดูแลนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อช่วยฟื้นคืนความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ในการกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทยอีกครั้ง.
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์