เล่นเอาแฟนคลับตกอกตกใจไปตาม ๆ กันเมื่อนักแสดงหนุ่ม ‘มิว ศุภศิษฎ์ จงชีวีวัฒน์‘ ออกมาทวีตฉุนกลางโซเชียลเมื่อ ล่าสุด (15 ก.พ. 66) เจ้าตัวถูกแฟนคลับรายหนึ่งทวีตติติงเรื่องกระแส คู่จิ้น กับหนุ่ม ‘กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์‘ ที่เคยเล่นคู่กันในซีรีส์ ‘TharnType the Series‘ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ว่า
“มิวนี่แปลกนะ ทำให้เราคิดว่าน้องเป็นแฟน พอมาพูดก็เปลี่ยน รู้สึกว่าไม่ใช่ อย่าให้เขารู้จังว่าเลิกทำแบบนี้ได้แล้วถ้าไม่แปลกคน แต่ว่าถ้าเขาไม่แปลก แฟนเขาก็คือยัยน้องแหละ เห็นมิวมีความสุขจังกับความรู้สึกคนอื่น”
ก่อนที่ทางหนุ่ม มิว ศุภศิษฎ์ จะโควตทวีตตอบกลับว่า “ทำให้คิดยังไงครับ บอกจนไม่รู้จะบอกยังไงแล้ว ไม่ได้คุยกับน้องมา2ปีได้แล้วมั้งครับ คิดเองเออเองก็มาโทษผมตลอด ขอโทษไว้ตรงนี้เลยครับที่เมื่อก่อน fan service แต่เราเป็นพี่น้องกันมาโดยตลอดครับ”
และหนุ่ม มิว ศุภศิษฎ์ ก็ยังออกมาทวีตชี้แจงตามมาอีกมากมาย “แฟนคลับคู่ที่น่ารักก็เยอะมากๆ ต้องขอบคุณมากๆเลยนะครับ บอกไปแล้วว่าจิ้นได้ ไม่ว่า มันเป็นพื้นที่ของคุณ แต่บางคนแยกจินตนาการกับความจริงไม่ออก แล้วมาว่าทั้งผมทั้งน้องเสียหาย ก็ไม่ใช่แล้วนะครับ การศึกษาถึงสำคัญมากๆ ฝากรัฐบาลพัฒนาระบบการศึกษาด้วยครับ”,
“หลายคนแปลกมาก อยากได้ความจริง พอความจริงไม่เป็นอย่างที่คิด ก็บอกบอกไม่รักษาความรู้สึก พอไม่พูดก็อยากได้คำตอบ อยากให้ออกมาเคลียร์ แล้วก็คิดเองเออเองจนเป็นเฟคนิวส์ บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323”,
“สุดท้ายนี้ คำที่บอกว่าศิลปินเลือกแฟนคลับไม่ได้ เป็นเรื่องจริง คนที่เข้ามา มาจากครอบครัว สังคม การศึกษา ที่หลากหลาย แต่สุดท้ายคนที่เราต้องรักษาไว้คือตัวเองกับคนที่เข้าใจความเป็นคุณและพร้อมที่จะซัพพอร์ตคุณ ขอบคุณครับ”,
“คิดว่าทนแล้วให้เวลาช่วยปรับความคิดใครหลายๆคนครับ เพราะทุกคนต่างความคิด สุดท้ายต่างความคิดจริงครับ เลยต้องพูดในมุมผมบ้าง”,
“ทวิตสุดท้ายจริงๆครับ เมื่อก่อนไม่รู้และไม่เข้าใจปัญหาและผลกระทบเรื่อง fan service ถูกสอนให้เวลาตอบก็ตอบกำกวมไปก่อน จนวันที่เราเข้าใจแล้วหยุดไป2-3ปี ก็ยังมีผลอยู่ ยอมรับและขอโทษจากใจจริงครับ สำหรับสิ่งที่ทวิตใครคิดว่าอันไหนไม่เหมาะสมแล้วไม่สบายใจ ผมต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้”, และ
“เอาเรื่องผมเป็น case study เลย คิดว่าเราจะผลักดันวงการบันเทิงยังไง ให้ส่งเสริมคอมมู แจก 2 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท ปิดรับพรุ่งนี้เที่ยงครับ quote แล้วพิมพ์คำตอบไว้เลยครับ🙇🏻♂️”
จนกระทั่งล่าสุดทวีตต้นทางดังกล่าวได้ถูกลบออกไปเป็นที่เรียบร้อย
