‘นอท กองสลากพลัส’ แจง 53 ล้าน เป็นเรื่องบังเอิญ แค่เงินลูกค้าถูกรางวัล
นอท กองสลากพลัส ตั้งโต๊ะแถลงปมเงิน 53 ล้าน ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ เป็นแค่เงินลูกค้าถูกรางวัล ลั่นไม่เกี่ยวกับขบวนการฟอกเงิน
นอท กองสลากพลัส หรือ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ บริหารกองสลากพลัส แถลงข่าวชี้แจงหลังถูกดีเอสไอออกหมายเรียก หลังตำรวจพบพยานหลักฐานเส้นทางการเงินว่า บัญชีธนาคารส่วนตัวมีการรับเงินกว่า 50 ล้านบาทจากขบวนการฟอกเงิน ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ที่ดีเอสไอได้จับกุมตัวไปก่อนหน้านี้
นอท กองสลากพลัส กล่าวว่า เมื่อเช้านี้เดินทางเข้าไปที่ดีเอสไอ เพื่อให้การในฐานะพยาน กรณีได้รับเงินจากผู้ต้องหาแก๊งฟอกเงิน โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว 2 ยอด ยอกแรก 42,381,030 บาท และยอดที่สอง 11,207,680 บาท รวมทั้งหมด 53 ล้านบาท เป็นความบังเอิญ เพราะเป็นเงินของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เงินที่โอนเข้ามานั้น จุดเริ่มต้นมาจากเมื่อเดือนส.ค.2564 ตนอยากได้เงินมาลงทุน ทำธุรกิจลอตเตอรี่ออนไลน์ จึงทำให้รู้จักกับนายออ (นามสมมติ) เป็นคนธรรมดา ไม่มียศตำแหน่ง ซึ่งรู้จักกันแค่ 1 วัน ด้วยความใจ จึงพานายออมาเรียนรู้และทดลองทุกขั้นตอนในบริษัท จนไปถึงขั้นตอนการขึ้นรางวัล ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ต่อมาตนเซ็นมอบอำนาจ ให้นายออนำเป็นลอตเตอร์รี่รวม 1 หมื่นใบ ที่ลูกค้าถูกรางวัล ไปขึ้นเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พอนายออได้เช็คเงินสดมาแล้ว ก็ไปขึ้นเงินที่ธนาคาร ฝากเข้าบัญชีตัวเอง ก่อนจะโอนให้ตนทั้งหมด 53 ล้านบาท หลังจากนั้นพอได้คุยกับนายออ ทำให้รู้ว่าไปด้วยกันไม่ได้ เพราะนายอออยากเป็นหุ้นส่วนบริษัท แต่ตนอยากได้แค่เงินทุนเท่านั้น และไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
ภายหลัง นายออไปเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน พอถูกตรวจสอบเส้นทางการเงิน จึงพบว่ามีหลักฐานการโอนเงิน 53 ล้านบาท เข้ามาให้บัญชีส่วนตัวของตน ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว คือเงินที่ลูกค้าถูกรางวัลนั่นเอง ยืนยันว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงิน
นายพันธ์ธวัช บอกอีกว่า ยอมรับว่าโง่เอง ที่ตอนนั้นไม่ได้ตรวจสอบก่อน คิดเพียงว่าอยากได้เงินมาลงทุน หลังจากนี้จะตรวจสอบให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ดีเอสไอได้ตรวจสอบ เส้นทางการเงินของตน เพิ่มอีก 39 รายการใหญ่ รวมมูลค่า 1 พันกว่าล้านบาท ยืนยันว่าเงินจำนวนนี้มาจากการทำธุรกิจ ที่มีการโอนเงินเข้าออกบริษัทตามปกติ และอีก 2 สัปดาห์ ตนจะเดินทางไปดีเอสไออีกครั้ง เพื่อมอบหลักฐานเพิ่มเติม
‘นอท กองสลากพลัส’ เคลื่อนไหวแล้ว ลั่นไม่เกี่ยวขบวนการฟอกเงิน