HIFU เจ็บไหม? ช่วยอะไร? ควรทำตอนอายุเท่าไหร่ดี?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่เริ่มมีอายุมากขึ้นจะเริ่มกังวลกับปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยบนใบหน้า นวัตกรรม HIFU จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่รับความนิยมในการแก้ปัญหา แต่บางคนก็ยังเกิดความกังวลว่าทำแล้วจะเจ็บไหม ช่วยอะไรได้บ้าง แล้วต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะทำไฮฟู่ได้อย่างปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนยังลังเลไม่กล้าเข้าคลินิกเสริมความงามสักที เพราะกลัวเป็นอันตราย วันนี้เราเลยรวบรวมคำถามที่ทุกคนสงสัย พร้อมหาคำตอบมาไว้ให้ในบทความนี้แล้ว!
HIFU นวัตกรรมยกกระชับและฟื้นฟูผิวอย่างปลอดภัย
HIFU ที่เราเคยได้ยินกัน มาจากชื่ออย่างเป็นทางการว่า High Intensity Focus Ultrasound ซึ่งเป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิวโดยการใช้เครื่องอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ถือว่ามีความปลอดภัยสูงเพราะไม่ต้องจิ้มเข็มลงบนใบหน้า และไม่ต้องผ่าตัดพักฟื้น เพราะ HIFU จะส่งคลื่นอัลตราซาวด์เข้าไปทำลายเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนัง แล้วกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวในชั้น SMAS เกิดการหดตัว ผิวจึงยกกระชับและดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ส่งผลกระทบกับร่างกาย
เรียกได้ว่าเป็นวิธีการยกกระชับผิวและใบหน้าที่เหมาะกับคนกลัวเข็มมาก ๆ ใช้เวลาไม่นาน และนอกจากจะช่วยยกกระชับใบหน้าแล้ว HIFU ยังช่วยในเรื่องของริ้วรอย รูขุมขนกว้าง รวมถึงช่วยสลายไขมันใต้ผิวหนังบางส่วนได้อย่างปลอดภัยด้วยนะคะ
ทำ HIFU เจ็บไหม?
เพราะการทำ HIFU คือการใช้คลื่นอัลตราซาวด์พลังงานสูง ยิงตรงไปที่ผิวลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic Systems) ซึ่งลงได้ลึกกว่าการทำเลเซอร์ทั่วไป ดังนั้นคุณจะรู้สึกเจ็บยุบยิบขณะทำแน่นอนค่ะ ยิ่งถ้าหากต้องการให้เห็นผลจริงแล้วล่ะก็ จะต้องใช้พลังงานสูงในการทำลายเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ จึงทำให้รู้สึกเจ็บ ๆ ตึง ๆ ใต้ผิวหนัง แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะเจ็บจนทนไม่ไหวนะคะ เพราะบางคลินิกคุณหมอจะมีบริการทายาชาให้ก่อนเพื่อช่วยลดความเจ็บลงด้วยค่ะ
ทั้งนี้ความเจ็บที่เกิดจากการทำ HIFU ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่อง และจำนวนช็อตที่คุณหมอเลือกใช้หลังจากมีการประเมินสภาพผิวหน้า หลังจากทำเสร็จแล้วอาจจะมีรอยแดง หรือเกิดรอยช้ำเล็ก ๆ แต่จะหายได้เองและสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องมีการพักฟื้นร่างกาย
https://www.youtube.com/watch?v=rC83O1GDr3c
HIFU อายุเท่าไหร่ถึงจะทำได้
HIFU สามารถทำได้ทุกเพศ และจะได้ผลดีที่สุดสำหรับคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เพราะในช่วงวัยนี้ผิวจะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น มีการสร้างคอลลาเจนลดลง ทำให้เกิดริ้วรอยแห่งวัย ดังนั้นการทำ HIFU จึงเป็นการช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมากระชับและดูเต่งตึง เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนกว่าวัยมากยิ่งขึ้น
HIFU ต้องทำบ่อยแค่ไหนหน้าถึงจะดี?
อยากสวยอยากหล่อ อย่าเพิ่งใจร้อน เพราะการทำ HIFU จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จในครั้งแรกเพียง 10 – 20% เท่านั้น แต่จะเห็นผลชัดเจนขึ้น ผิวดูเรียบเนียน และยกกระชับ ภายใน 2 – 3 เดือนหลังจากที่กระบวนการซ่อมแซมผิวได้มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ และเพื่อให้สามารถเห็นผลได้อย่างต่อเนื่อง จะต้องกลับมาทำ HIFU ซ้ำอีกประมาณ 3 – 5 ครั้ง เพื่อให้คงสภาพอยู่ได้นาน 1 – 2 ปี แต่ทั้งนี้ ผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับอายุและสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ
- ช่วงอายุ 20 – 30 ปี ควรทำทุก ๆ 1 ปี
- ช่วงอายุ 31 – 40 ปี ควรทำทุก ๆ 6 เดือน
- ช่วงอายุ 40 ปี ขึ้นไป ควรทำทุก ๆ 3 เดือน
หลังทำ HIFU ห้ามทำอะไรบ้าง?
หลังจากทำ HIFU เสร็จแล้ว แม้จะสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเหมือนกับการทำหัตถการอื่น ๆ ที่ควรต้องระวัง เพื่อไม่ให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ และอาจจะทำให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์นะคะ
ข้อควรระวัง หลังจากทำ HIFU มีดังต่อไปนี้
- งดแกะ เกา นวด หรือขัดถูบนใบหน้า และบริเวณที่เพิ่งทำ HIFU
- ในช่วง 3 – 5 วันแรก ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และระมัดระวังไม่ให้ผิวสัมผัสกับความร้อน หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป
- งดทานยากลุ่มแอสไพรินอย่างน้อย 1 สัปดาห์ แต่หากมีความจำเป็นควรปรึกษาแพทย์
- งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนถูกทำลาย
- หมั่นดูแลผิวด้วยครีมบำรุงหรือทรีตเมนต์ที่มีมอยเจอไรเซอร์ เพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้น
- ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้กระบวนการซ่อมแซมผิวสามารถทำงานได้เต็มที่
ผลข้างเคียงของการทำ HIFU
โดยปกติแล้วการทำ HIFU มีผลข้างเคียงน้อย และไม่รุนแรง โดยเฉพาะหากคุณเลือกทำ HIFU กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน คุณหมอเป็นคนยิงด้วยตัวเอง ก็จะยิ่งมีความปลอดภัยสูง เพราะคุณหมอจะเป็นคนประเมินสภาพใบหน้าและจำนวนช็อตที่เหมาะสมกับสภาพผิวด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย
ผลข้างเคียงหลังจากทำ HIFU ที่อาจเกิดขึ้นได้
- อาจมีอาการบวมในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรก หลังจากทำ HIFU แต่สามารถหายได้เองตามปกติ
- รู้สึกเจ็บที่ผิวหนัง มีรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำ ผิวหนังมีผื่นแดง สามารถหายได้เองใน 1 – 2 วัน
- มีอาการตึง หรือเมื่อยใบหน้า สามารถหายได้เองใน 1 – 2 วัน
- เกิดอาการชาหรือเส้นประสาทบนใบหน้าเป็นอัมพาต (กรณีนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก) อาการนี้จะเกิดขึ้นหลังจากทำ HIFU ได้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง และจะหายได้เองใน 2 – 3 สัปดาห์
หากทำ HIFU แล้วมีอาการดังกล่าว และยังไม่หายเอง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาจะได้สามารถแก้ไขได้ทันท่วงทีนะคะ
ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอก่อนทำหัตถการทุกครั้ง แล้วใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ เพราะอย่างที่เราได้บอกไปว่าผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและช่วงอายุของแต่ละคน และบางคนก็ไม่ได้เหมาะกับการทำ HIFU ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจทำ HIFU จะได้สวยอย่างปลอดภัยกันทุกคนค่ะ
สำหรับใครที่สนใจอยากจะทำ HIFU สามารถเข้าไปดูดีลเด็ดสุดคุ้มได้จากเว็บไซต์ Thaiger Deals เราคัดมาให้แล้วว่าคลินิกไหนปัง คลินิกไหนได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองความปลอดภัย รับรองว่าทำแล้วหน้าเรียวสวยดูยกกระชับ ไม่เป็นอันตราย แถมยังได้ราคาดีอีกด้วยนะคะ
[lasso ref=”thethaiger-link-8″ id=”718521″ link_id=”478545″]
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
- รวม 6 คลินิกเสริมความงามย่านฝั่งธน คลินิกแถวหน้าที่ลูกค้าหลายคนพอใจ
- Pattippa Clinic ศูนย์ความงามที่ครบเครื่องสุด ในอยุธยา!
- Mordee รวมดีลเสริมความงาม คลินิกดังมาไว้ที่เดียว
- ส่วนลดสุดปัง!!! HIFU ราคาดี ที่ PRIDE to Be Clinic
- โบท็อกซ์ อย.ไทย มียี่ห้อไหนได้มาตรฐาน??