ข่าวข่าวอาชญากรรม

เหยื่อฮารุเล่า 3 ปี ทารุณ-ลวกน้ำร้อน เตารีดนาบ ซ้อมทรมานทั้งตัว ทำไมไม่หนี

เหยื่อฮารุ เล่า 3 ปี ถูกทารุณ ลวกน้ำร้อน เตารีดนาบ เชือกมัดแขนน้ำร้อนราด แขน-ขาไหม้ ซ้อมทรมานทั้งตัวจนเหยื่อหวาดกลัวไม่กล้าหนี ลูกน้องที่โดนจับก็เคยถูกซ้อมทา่รุณมาก่อน

จากกรณีเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบุกจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหา นายฮารุ ฮวังสิริ อายุ 39 ปี และนายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปี ผู้นำลัทธิเถื่อนกักขังซ้อมทารุณเหยื่อ 5 ราย เป็นอดีต 3 พยาบาลสาว ประกอบด้วย นางสาวไพลิน และลูก 2 คน

ล่าสุด มีรายงานจากการให้ปากคำของเหยื่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดใจเหตุถูกกักขังนาน 3 ปี ทำไมไม่ยอมหนี โดยเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อพร้อมกับ ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความช่วยเหลือติดตามคดี เข้าพบ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดยเหยื่อทั้งหมดขอให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ช่วยติดตามคดีให้ถึงที่สุด และพิจารณาช่วยเรื่องเจรจาประนอมหนี้สินที่เกิดจากการถูกหลอกครั้งนี้

บีบหัวใจ สภาพร่างกายเหยื่อฮารุหลังเข้าพบปวีณา

หลังเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือผู้สื่อข่าวที่ได้ตามติดความเคลื่อนไหวถึง ร่องรอยบาดแผลที่ถูกทำร้าย โดยจากที่เท่าทีมข่าวเห็นนั้นระบุ นางสาวพลอย และนางสาวไข่มุก สภาพจิตใจค่อนข้างดีขึ้น แต่ยังคงมีร่องรอยของบาดแผลจากการถูกน้ำร้อนลวก และบาดแผลโดนทำร้ายบางส่วน แต่นางสาวไข่มุกค่อนข้างหนักกว่า

ร่องรอยบาดแผลของนางสาวไข่มุกมีร่องรอยบาดแผลน้ำร้อนลวกทั้งด้านหลัง เต็มเเผ่นหลัง และเเขนขวาทั้งเเขน โดนทำร้ายที่ใบหน้า มีร่องรอยโดนเตารีดทาบที่ขาทั้ง 2 ข้าง มีอาการบวมจากไตทำงานผิดปกติ เนื่องจากช่วงที่โดนทำร้ายจะต้องมีการทานยาค่อนข้างเยอะ

ส่วนนางสาวพลอยบาดเจ็บบริเวณใบหน้าที่ผิดรูป โดนตบจนเลือดคั่ง เกิดเป็นก้อนแข็งบริเวณใบหน้า ตัดผมสั้นทั้ง 2 คน ซึ่งไม่ได้เป็นความเชื่อ แต่เป็นเหมือนการทำให้อับอาย ไม่กล้าหนีและไม่กล้าออกไปไหน

สำหรับจุดเริ่มต้นที่ทำให้เหยื่อทั้งสามรายมารู้จักกับนายฮารุ เริ่มจาก เหยื่อทั้งสามคนรู้จักกันในฐานะพยาบาลที่เดียวกัน ช่วงประมาณกลางปี 2563 น.ส.ไพลินรู้จักกับนายฮารุก่อน ที่ตอนนั้นแอบอ้างเป็นแพทย์ โดยใช้ชื่อ “หมอเคท” สุดท้ายมีการชักชวนมาอยู่ด้วยกัน โดยออกอุบายจะดูแลอุปการะ

เหยื่อลัทธิประหลาด
ภาพ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

เหยื่อรายที่ 2 น.ส.พลอย นาทีจุกอกโดนบังคับให้หารเงินเรื่อยๆ

น.ส. พลอย เหยื่อรายต่อมารู้จักผู้ต้องหาผ่านทาง น.ส.ไพลิน ตอนนั้นอ้างมีกางเกงขายให้และจะเอามาให้เหยื่อที่โรงพยาบาลกระมั่งนัดเจอพูดคุยกัน นายฮารุดูดวงแบบไพ่ทาโร่ให้ น.ส.พลอย จึงรู้สึกชอบเพราะคุยถูกคอ

จากนั้นเริ่มชักชวนคุยถึงธุรกิจร้านกาแฟ ด้วยความที่เชื่อว่ามีจริงจึงตอบตกลงและมีการนัดพูดคุยกัน 2-3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายทางนายฮารุไม่ได้บอกรายละเอียดแผนธุรกิจที่ชัดเจน มีการอ้างว่าต้องช่วยทำเพจออนไลน์ และต้องมีการทำวิดีโอส่งคลิปให้ทุกวัน

กระทั่ง ธ.ค. 63 นายฮารุชวนไปพักอาศัยอยู่ที่เดียวกัน อ้างว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและดูแลค่ากินทุกอย่าง เพื่อง่ายต่อการต่อยอดธุรกิจ โดยทันทีที่ตนเข้าไปอยู่ ปรากฏว่าเขาเช่าห้องให้อยู่คนละห้องแยกกันอยู่ ภายในห้องจะมีกล้องวงจรปิด บันทึกเสียง จับภาพความเคลื่อนไหว ไม่มีเรื่องของการทำร้าย พอทางตนเข้าไปอยู่ได้สักพักด้วยความที่ตนบอกว่าจะต้องทำธุรกิจ เขาเองเลยบอกว่าให้ตนหาเงินสดจำนวน 200,000 บาทเพื่อมาลงทุน พร้อมให้มีการเซ็นสัญญา อ้างว่าร่วมทำธุรกิจ

หลังจากนั้นก็มีการหลอกล่อให้ทาง น.ส.พลอย หาเงินเรื่อย ๆ ประมาณ 317,068 บาท เริ่มมีการบังคับให้กู้เงินสหกรณ์เป็นหลักล้านบาท เอารถเก๋งซิตี้ไปจำนำ 2 รอบเป็นหลักแสนบาท แล้วบังคับให้ขายฝากคอนโดที่พัทยา จ.ชลบุรี เป็นหลักแสนบาท และขายฝากที่ดินย่านอยุธยาอีก 1 ล้านบาท รวมเงินที่สูญเสียและโดนบังคับไปรวมกว่า 3 ล้านบาท

น.ส.ไข่มุก เหยื่อรายที่ 3 โดนซ้อมทรมานทั้งตัว สูญ 3 ล้าน

ด้าน น.ส.ไข่มุก เหยื่ออีกรายเล่าว่า ประมาณ มิ.ย. 64 เริ่มรู้จัก น.ส.ไพลิน ตอนนั้นเอง ฮารุ จะเข้ามาชวนคุยเรื่องธุรกิจ ประมาณว่าให้เธอเป็นเหมือนอินฟูเอนเซอร์ ประมาณเดือน ก.ค. 64 ถูกชักชวนให้มาอยู่ที่คอนโดด้วยกัน

เหยื่อ เผยต่อว่า จากนั้นจึงได้ตัดสินใจนำเงินที่มีอยู่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท แยกเป็นเงินสะสม 4 แสนบาท เงินสหกรณ์ออมทรัพย์วชิรพยาบาล 5 แสนบาท วงเงินสินเชื่อ 1 แสนบาท เงินจากประกันชีวิต 2 แสนบาท, กองทุนต่าง ๆ 3 หมื่นบาท และเงินจากบัตรเครดิตกว่าแสนบาทมาลงทุน พร้อมมีการเซ็นสัญญาจำนวน 5 ฉบับ

ปวีณา เหยื่อฮารุลัทธิ
ภาพ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

ภายหลังนำเงินบงทุนไปกลับไม่เป็นไปตามที่ระบุ มีการบังคับทั้งตนและคนอื่น ๆ ให้ระดมหาเงินเพิ่ม อ้างว่าธุรกิจมีปัญหา ขาดทุน ต้องนำเงินมาอีก พร้อมขู่ว่าไม่หามาจะมีการแจ้งตำรวจจับและอ้างข้อกฎหมาย ด้วยความกลัวเราเองต้องจำยอม มีการะดมเงินจากการขายที่ หรือทรัพย์สินที่เป็นชื่อของเราเขาจะบังคับให้ขาย ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนตัว เงินสดจากบัตรเอทีเอ็ม บ้านที่ขายได้ 2.8 ล้านบาท ที่ดิน 9.4 แสนบาท เงินที่ยืมจากญาติอีกประมาณ 2 ล้านบาท และเงินจากการขายคอนโดประมาณ 2.4 ล้านบาท รวมแล้วตนเองโดนเสียหายไปกว่า 10 ล้านบาท

ส่วนเรื่องของการราดน้ำร้อนใส่ตัว ช่วงกลางเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา นายฮารุ ต้มน้ำร้อนเตรียมการไว้แล้ว ผู้ต้องหาใช้ถุงน่องมัดปาก มัดแขวนไขว้ด้านหลัง ก่อนจะเอาน้ำร้อนมาราดตามตัว เมื่อเกิดแผลพุพอง นายฮารุเปลี่ยนเป็นคนละคน แสร้งทำเป็นคนดี เข้ามาปลอบ รู้ว่าใครชอบอะไรก็จะทำให้ มีการทำทีว่าเป็นหมอจริงนำเอาเข็มมาดูดหนอง เอาน้ำผสมเกลือและราดแผล ตอนนั้นตนทรมานมาก แสบและปวด จนหลายครั้งตนเองเคยคิดสั้นจะกระโดตึกตัดปัญหา ไม่อยากให้ทางครอบครัวต้องมาโดนข่มขู่ด้วย ยอมรับว่าตนเคยคิดสั้นกินยามาแล้วรอบหนึ่ง แต่นายฮารุไม่เชื่อ คิดว่าตนเองแกล้ง

ปวีณา ช่วยเหยื่อพยาบาล
ภาพ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

หลังจากที่ตนทั้ง 3 คนอยู่ที่คอนโดด้วยกัน แยกห้องกัน 4 ห้อง ผลัดเปลี่ยนกันอยู่ตามอารมณ์ของนายฮารุว่าจะให้ใครอยู่ตรงไหนอย่างไร ขณะที่ทางนายเพชรเพิ่งเข้ามาอยู่ในข่วงเดือน ธ.ค. 64 นายฮารุอ้างว่าเป็นน้องชายจะเอามาเป็นศิลปิน ยอมรับว่าเขาเองก็โดนทำร้ายเหมือนกันช่วงแรก ถึงขั้นที่เขาโดนนายฮารุเอาคีมเหล็กดึงลวดจัดฟันออก พร้อมมีการทุบตีทำร้าย จนนายเพชรเองเริ่มเชื่อฟังเขา ก็เริ่มบังคับให้นายเพชรหันมาทุบตีทำร้ายคนอื่น เป็นเหมือนตัวตายตัวแทนของนายฮารุ รับคำสั่งมาอีกที หรืออาจจะมีการมอนิเตอร์ผ่านหูฟังว่าต้องทุบตี เอาไม้กวาดตี บางครั้งนายเพชรก็คล้ายไม่เต็มใจทำ เริ่มรุนแรงต้นปี 65 ที่มีการบังคับให้ทั้ง 3 คนลาออกจากราชการ อ้างว่าต้องทำงานร่วมกับทางกองประกวดมิสยูนิเวิร์ส

ตลอดจนเรื่องของการทำการตัดผมสั้นนั้น ช่วงประมาณ 1 เดือนที่แล้ว เป็นการบังคับให้ผลัดกันตัดผม อ้างว่าไม่พอใจที่ทางตนและทางคนอื่น ๆ ไม่สามารถหายอดเงินมาให้เขาได้ นายฮารุใช้หลักจิตวิทยาพูดคล้ายใส่ร้ายให้อีกคนเกลียดอีกคน พยายามให้ตีกัน และบังคับให้อีกคนทำร้ายอีกคน ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของลัทธิ เขาเองไม่ได้มีลัทธิอะไรแปลก จะมีเเค่เรื่องนับถือเกี่ยวกับพระพิฆเนศตามปกติ

ทิศทางคดีเหยื่อซ้อมทารุณนายฮารุ

ทั้งนี้ ในส่วนของคดี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า จะเร่งให้การช่วยเหลือเร่งด่วนกับเหยื่อทั้ง 3 รายนี้ คือ ในเรื่องการรักษาตัว เนื่องจากมีแผลที่ถูกทำร้ายตามร่างกาย รวมทั้งเหยื่อ 2 ราย เริ่มป่วยเป็นโรคไต ขาบวม อ่อนเพลีย เครียด นอนไม่หลับ และต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจ, กรณีที่เหยื่อถูกหลอกจนหมดตัวต้องเป็นหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งจะประสานกับตำรวจในการติดตามทรัพย์สินจากผู้ต้องหามาดำเนินการ, จะประสานกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เหยื่อได้รับเงินเยียวยา และมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรมต่อไป

ที่มา : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี

 

 

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button