เปิดประวัติ ‘สันธนะ’ อดีตนายตำรวจดังท้าชน ชูวิทย์ ผู้แฉเบื้องหลังคดีแตงโม
เปิดประวัติ ‘สันธนะ’ อดีตคนสีกากีสันติบาล เจ้าของฉายาตำรวจจอมแฉ ที่ได้มาออกมาร่วมให้ปากคำเรื่องอุบัติเหตุของนางเอกสาว ‘แตงโม นิดา’ ว่าเรื่องนี้มีบิ๊กระดับสูงอยู่เบื้องหลัง เขาคือใคร ไปทำความรู้จักกับพยานอีกหนึ่งคนของเรื่องนี้กันเลย
เปิดประวัติ ‘สันธนะ’ เจ้าของฉายาตำรวจจอมแฉ
ประวัติ สันธนะ ผู้เติบโตในครอบครัวตำรวจ
สันธนะ ประยูรรัตน์ หรือที่คนทั่วไปรู้จักและเรียกเขาด้วยชื่อจริงว่า สันธนะ ปัจจุบันอายุ 63 ปี เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2502 สันธนะเป็นบุตรคนที่ 3 ของ พล.ต.ต.สมชาย ประยูรรัตน์และนางนิตยา ประยูรรัตน์ สมรสกับนางพรรณี ประยูรรัตน์ มีบุตร-ธิดาทั้งหมด 2 คน นอกจากจะเป็นที่รู้จักกว้างขวางในวงการตำรวจ เนื่องจากเขาเคยดำรงตำแหน่งตำรวจสันติบาลแล้ว สันธนะยังมีพี่ชายเป็นถึงอดีตเลขา ปปง. คือ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ อีกด้วย
สันธนะ สำเร็จการศึกษาจากโรวเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 17 โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 33 และยังได้ศึกษาไกลถึงประเทศสหรัฐอเมริกาที่วิทยาลัยตำรวจ F.B.I. และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐศาสนศาสตรบัณฑิตและปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต ในสาขากฎหมายธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เส้นทางสายอาชีพตำรวจ
อดีต พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ ถือว่าเป็นนายตำรวจยศสูงอีกหนึ่งคน เนื่องจากเขาเคยดำรงตำแหน่งมาแล้วมากมายในวงการตำรวจ ดังนี้
- สารวัตรงาน 5 กองกำกับการ 3 กองสารนิเทศ (ตำรวจสันติบาล)
- สารวัตรงาน 4 ฝ่าย 4 กองตรวจคนเข้าเมือง 2
- รองผู้กำกับการชุดตรวจงานป้องกันปราบปรามฯ (จเรตำรวจ)
- รองผู้กำกับการ 1 กองตำรวจสันติบาล 2
แต่ในปี พ.ศ. 2545 เส้นทางชีวิตก็พลิกผัน เมื่อ สันธนะ ถูกให้ออกจากราชการ ด้วยข้อหาขัดขวางการเข้าจับกุมบ่อนการพนัน สน.บางกอกน้อย จากนั้นเขาจึงผันตัวไปลงสนามเล่นการเมืองในช่วงปี พ.ศ. 2549-2550 โดยเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคประชากรไทย และผู้สมัคร ส.ว. กทม. หมายเลข 8 และผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขต หมายเลข 166 พรรคประชากรไทย แต่สอบตกทั้ง 2 ครั้ง
ก้าวเท้าออกจากสีกากี
ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 สันธนะ ถูกจับกุมที่เชียงใหม่ ด้วยข้อหา มีการพกอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันควร มีพฤติกรรมข่มขู่และรีดไถคนตามชายแดน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาระดับจังหวัด
ที่มาของฉายา ตำรวจจอมแฉ
หลังจากการถูกจับกุม สันธนะก็ได้หายไปจากแวดวงสังคม ก่อนจะกลับกลับมาปรากฏตัวในสื่ออีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2554 โดยนำหนังสือมาร้องเรียนเพื่อเอาผิดสนามม้าราชกรีฑาสโมสร เรื่องความไม่โปร่งใสในการจัดแข่งม้าการกุศล ปี พ.ศ. 2555 ก็ได้ออกมาแฉเรื่องการทุจริตของการฟอกเงินของภาครัฐที่ยังฮ่องกง และในปี พ.ศ. 2556 สันธนะได้เป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตร ที่ไปปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากนี้สันธนะก็ยังรับดูแลผลประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนอีกมากมาย ด้วยอิทธิพลและชื่อเสียงของตัวเขาเองที่เคยอยู่ในวงการสีกากีอีกด้วย
“สันธนะ” ขอเป็นพยานให้ “แตงโม”
ล่าสุด สันธนะได้แสดงตัวขอเป็นพยานในคดีอุบัติเหตุของนักแสดงสาว แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ โดยออกมาแฉว่าเรื่องนี้พัวพันกับคนเบื้องหลังที่เป็นคนใหญ่คนโต โดยสันธนะจะเข้าให้ปากคำกับทางตำรวจในวันที่ 8 มีนาคม 2565 พร้อมติดแฮชแท็ก #แตงโมต้องไม่ตายฟรี
ชูวิทย์ ปะทะ สันธนะ ปมร้องเรียนสถานบันเทิง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ เพื่อเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน หลังถูก นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล แจ้งความว่าสถานบันเทิงในโรงแรมของตนเปิดเกินเวลาและสงสัยว่ามีการมั่วสุมยาเสพติด
ในเหตุการณ์ดังกล่าว นายชูวิทย์ ได้พูดถึงนายสันธนะ ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว พร้อมกล่าวย้ำด้วยว่า “อย่าคิดว่าเก่งคนเดียว เจอกันแน่ ไปที่ไหน ก็จะตามไป เข้าบ่อนไหนระวังไว้ให้ดี”