ข่าวดารา

น้ำตาคลอ! ‘บอย ถกลเกียรติ’ เผยวินาทีทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิต วางเดิมพันอนาคต ช่อง ONE

น้ำตาคลอ! ‘บอย ถกลเกียรติ’ เผยวินาทีทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิต วางเดิมพันอนาคต ช่อง ONE โอกาสจะสำเร็จไม่ได้เยอะแต่เลือกเดินหน้าต่อ

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่ประสบความสำเร็จสุด ๆ ในชีวิตหน้าที่การงาน สำหรับ บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เดอะ วันฯ ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจเล่าเรื่องเส้นทางชีวิตผ่านรายการ WOODY FM เปิดใจเล่าหมดเปลือก โดยมีพิธีกรอย่าง วู๊ดดี้ เริ่มต้นด้วยคำถามว่า

Advertisements

ตั้งแต่ทำละคร Exact มาก็ต้องยอมรับว่ามันจะมีความเข้าถึงยากนิดนึงสำหรับแมสในวันนั้น แต่พอวันหนึ่ง ONE ขึ้นมาแซงช่องอื่นๆ

จะบอกง่ายๆ ว่าเราไม่ยึดติด เพราะโลกมันเปลี่ยนไป เราต้องทำละครให้คนสมัยนี้ดู ตัวละครที่จะ Attractive กับเขา นางเอกโง่ไม่ได้แล้วไงสมัยนี้ ถ้าละครไทยสมัยนี้นางเอกโง่คนดูเปลี่ยนช่อง คือคุณอย่าลืมว่าละครมันคือ Reflection ของสังคมในแต่ละยุคนะ เพราะฉะนั้น Logic ของตัวละครจะเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อนพระเอกต้องยอม เพราะฉันเป็นคนดี ฉันไม่สู้ พ.ศ นี้คนบอก ‘โง่’

บอย ถกลเกียรติ
ภาพจาก youtube : WOODY

พูดถึงวิธีการทำงาน เห็นอะไรในตัวเองที่เปลี่ยนไปบ้าง ในเรื่องของการบริหารชีวิต บริหารงาน

ไม่ยึดติด เปิดกว้าง ไม่เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อะไรผ่านๆ ไปได้บ้าง ก็ผ่านไป Secret to Success คือ รู้ว่าคุณรู้อะไร และรู้ด้วยว่าคุณไม่รู้อะไร แต่ถ้าเกิดต้องทำในสิ่งที่คุณไม่รู้ไปหาคนอื่นมาทำ มันไม่ต้องรู้ทุกอย่างนี่หว่าชีวิตคนเรา มันไม่ต้องทำเป็นทั้งหมดป่ะ ไปหาคนที่เก่งๆ ที่เขามีประวัติที่ดีแล้วก็มาทำกับเราสิ แต่ในขณะเดียวกันในความเปิดกว้าง เราก็ต้องกลับมา QC แล้วก็ดูว่า Target หรือ Community ของเราเขารับไหม มันต้องกลับมาดู ไม่ใช่เปิดกว้างไปหมดสุดท้ายอะไรก็ไม่รู้ อันนี้ก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นมันคือการบาลานซ์

การที่ ONEE ได้มีโอกาส listed ว่ามีการเข้าตลาดเรียบร้อย เป็นอย่างไรบ้าง

Advertisements

ก็ดีครับ แต่หนักขึ้นมาหน่อยเพราะความรับผิดชอบมันมากขึ้น วันแรกที่เข้าตลาดเนี่ยหลายๆ คนก็จะบอกว่างานที่ทำมาเรียบร้อยแล้วจบลง ต้องบอกว่าไม่จบหรอกครับมันเริ่มต้นใหม่ครับ(หัวเราะ) เพราะว่าเมื่อก่อนนายผมคือผู้ถือหุ้นไม่กี่คน แต่ตอนนี้นายผมคือผู้ถือหุ้นเป็นพัน เพราะฉะนั้นมีอะไรแบบนี้ขึ้นความรับผิดชอบมันมากขึ้นอยู่แล้ว

เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรานึกถึงภาพนี้ไหม

ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะต้องทำบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ว่าในวันที่เราต้องมาร่วมลงทุนใน ONEE ยังไงก็ต้องเข้า ถ้าย้อนไปเมื่อเวลาปี 2014-2015 พอได้ช่องมาไม่กี่เดือนมั้งก็จะกลายเป็นดิจิตอลดิสรัปชั่น คนก็จะบอกว่าพวกที่ได้ช่องมาแย่แล้ว คุณเจ๊งแน่

ยอมรับไหมว่าตอนนั้นแอบหวั่นๆ บ้าง

แน่นอนสิ ก็ต้องแน่นอนสิครัง แน่นอนคนดูน้อยลงแหล่ะ แต่เราก็มีความเชื่อมั่นว่าทีวีก็ยังอยู่ แต่เราจะหารายได้อะไรเพิ่มเข้ามา ทำให้เราย้อนกลับไปดูตัวเองว่า เห้ยจริงๆเราเป็นใคร เราเป็นคนทำคอนเทนส์ไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นชาแนลต่างๆ ที่มีเพิ่มมากขึ้นในโลกออนไลน์ที่เต็มไปหมด แปลว่ามันมีโอกาสเพิ่มขึ้น ก็เลยเป็นการหาอย่างอื่นมาเพิ่มมาเสริมไม่ใช่แค่ช่องทีวี และนั้นคือ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ เราไม่ใช่แค่ช่องทีวี

บอย ถกลเกียรติ
ภาพจาก youtube : WOODY

จะมีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นบ้าง หรือมีอะไรที่ยิ่งใหญ่ เพราะแต่ละอย่างที่บอยจับมันค่อนข้างที่จะเปลี่ยนแปลงวงการเสมอ ?

ต้องบอกว่าพอมันมีโอกาสมากขึ้น เอื้อให้เราสามารถทำอะไรได้แตกต่างมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนเวลาเราจะทำละครโทรทัศน์สักเรื่อง เราก็ต้องดูแล้วว่าจะได้เรตติ้งไหม แล้วถ้าจะได้เรตติ้งต้องทำยังไง อ๋อมันก็ต้องตรงไปตรงมา

พอมันมีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ยิ่งจอเล็กลงรู้ไหมเกิดอะไรขึ้น เขายิ่ง Concentrate แต่ภาพมันชัด เวลาโกรธไม่ต้องตาถลนก็ได้ เค้าจะรู้ว่าเราโกรธอยู่ เพราะฉะนั้นความธรรมชาติของการแสดงมันมีเพิ่มมากขึ้น แปลว่าอะไร แปลว่ามันมีความสากลได้มากขึ้นหรือเปล่า มีความออนไลน์เข้ามา เราเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไม่ใช่แค่ช่องทีวี เราก็เลยสามารถที่จะผลิตคอนเทนส์ที่คิดว่ามันจะไปเข้าตาต่างชาติได้มากขึ้น

ถ้าพูดกันภาษาบ้านๆ คือเราโกอินเตอร์ได้ง่ายขึ้น แล้วเราก็ทำมาแล้ว อย่าง Girl From Nowhere แนนโน๊ะ ก็ได้รางวัลต่างๆ มากมายในปีที่ผ่านมา International Awards เป็นนิมิตหมายที่ดี และอีกอันหนึ่งพูดตรงๆ เลยว่าขอบคุณเกาหลีใต้นะ ที่มีทั้ง Squid Game หรือว่า BTS หรือ Parasite อะไรต่างๆ ที่เขาเปิดตลาดเอเชียให้กับชาวโลกได้เห็น และทำให้คนหันมามองเอเชีย

ถ้าพูดกันตรงๆ จากเกาหลีใต้ Next Step เขาก็มองมาที่ไทย เพราะเราก็ทำคอนเทนส์ที่เข้าตาคนนอกประเทศได้อยู่พอสมควร เพราะงั้นเรามี opportunity

ย้อนกลับไปใน วันที่เปี่ยมสุขที่สุดในชีวิต พี่บอยจะนึกถึงช่วงเวลาไหน

อาจจะก่อนที่จะประมูลช่องทีวีด้วยซ้ำ ตอนนั้นผมดูแล บริษัท เอ็กแซ็กท์ (Exact) และบริษัทซีเนริโอ (Scenario) ณ ตอนนั้นผมคิดว่าเราก็มีความสุขกับการผลิตคอนเทนส์ ทำละคร ทำซีรีส์ ทำละครเวที ทำซิทคอม ทำคอนเสิร์ต เราสนุกอ่ะ พอมันเกิดดิจิตอลดิสรัปชั่นขึ้น ตรงนี้มันก็กลายเป็นโอ๊ยตายแล้วฝุ่นตลบ อันนั้นเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากในชีวิต มันเป็นจังหวะการตัดสินใจที่มันหนักมากนะ

ก็มีการพูดคุยกับทาง GMM ผมบอกว่ามันต้องลงแล้วครับ ไม่งั้นตกรถไฟนะ มันเสี่ยงมากนะ มันลงทุนสูงมากนะ ทางแกรมมี่ก็ยังมีความกล้าๆกลัวๆ จนมีคำถามที่แบบมาร่วมลงทุนกันไหมล่ะ ผมก็บอกเอา แต่ว่ามันก็ลงทุนสูงจริงๆนะ มันก็ต้องกู้หนี้ยืมสินนะ ต้องไปกู้แบงค์นะ มีผู้ใหญ่ที่เป็นทางการเงินเขาก็บอกว่าคุณแน่ในเหรอ นี่มัน Your life saving

ผมก็ตัดสินใจหนักมากตอนนั้น คือการที่เราเป็น Production Company เฉย ๆ มีทีมงานเต็มไปหมดเลย แล้วก็เรามีความเชื่อว่าเราลงทุนแล้วมันจะดี แต่โอกาสมันจะ success ก็ไม่ได้เยอะ ณ ตอนนั้น แต่ถ้าเราไม่ลงทุนมันจะเกิดอะไรขึ้น เราจะไปต่อในวงการนี้ได้ไหม ไม่ใช่แค่เราลูกน้องอีกทั้งไม่รู้เท่าไหร่ ผมมีออฟชั่นอยู่ 2 ออฟชั่น ผมลงทุนแล้วก็ไปกันต่อ กับอีกออฟชั่นหนึ่งก็คือแยกย้ายดีใจที่รู้จักกัน เพราะมันไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ผมก็เลยเลือกออฟชั่นที่ว่ามาทำกันต่อ มาอยู่ด้วยกัน

บอย ถกลเกียรติ
ภาพจาก youtube : WOODY

บอยทำไมเสียน้ำตาเวลาพูดถึงเรื่องนี้

มันคือเงินเก็บทั้งชีวิตวู้ดดี้

ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะ มีคิดไหมว่ามันอาจจะไม่เหลืออะไรเลยหลังจากนี้ วันนั้นก็คือเทหมดหน้าตัก

Yes แน่นอน

ดีใจที่พี่ยังนั่งอยู่หน้าผมตรงนี้ ดีใจที่ ถกลเกียรติ ยังอยู่กับเรา บอกผมสิว่าวันนั้นพลังที่เราจะต้องตัดสินใจ เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร เราจะต้องมีใจแบบไหน

คือผมยังเชื่อในพลังในการทำงานของผมและทีม ผมยังเชื่อในวิสัยทัศน์ ยังเชื่อในวิธีคิด และผมยังเชื่อในแพชชั่น เชื่อในพลังที่จะเดินต่อ ศักยภาพและความสามารถของคนที่อยู่ในทีมทุกคนที่จะไปต่อด้วยกัน มันไม่ใช่ฝันลม ๆ แล้งๆ มันต้องมี reality มา support ด้วย

สามารถรับชมคลิปเต็มได้ทางนี้

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Math Navanarisa

หญิงสาวผู้สนใจคอนเทนต์สายบันเทิง ดารา หนัง ซีรีส์ ไลฟ์สไตล์ ผู้หญิง อัปเดตเทรนด์ที่เป็นกระแสขณะนี้ด้วยเนื้อหาน่าสนใจ เข้าใจง่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button