‘มาเน่’ แบกไม่ไหว! ตัดเกรดแข้ง ลิเวอร์พูล เกมบุกพ่าย อาร์เซนอล 2-1 สุดช็อค
15 กรกฎาคม – ควันหลงการปะทะกันของสองทีมยักษ์ใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา เกมระหว่าง “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล โดยฝั่งทีมเยือนมีสถิติทำคะแนนสูงสุดในหนึ่งฤดูกาลเป็นเดิมพัน แต่ผลปรากฏว่า ทีมเยือนพลิกล็อคพ่าย 2-1
สถิติปลิว! ไฮไลท์ อาร์เซนอล 2-1 ลิเวอร์พูล : พรีเมียร์ลีก – VVD เหวอเจอยิงตรงกรอบ 2 เข้า 2
The Thaiger Sport ขอตัดเกรดแข้งหงส์ หลังทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นฝ่ายครองบอลบุกใส่ อาร์เซนอล แทบทั้งเกม แถมสองผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ และ อลิสซอน เบคเกอร์ ก็มีพลาดจนนำมาซึ่งการเสียประตูทั้งสองลูก ส่วนใครจะโดดเด่นที่สุด ไปดูกัน!
อลิสซอน เบคเกอร์ (4 คะแนน)
ไม่รู้ว่าจะมอบคะแนนให้ นายทวารชาวบราซิเลียน คนนี้ยังไง เพราะตลอดทั้งเกม เจ้าตัวไม่มีโอกาสเซฟแม้แต่ครั้งเดียว! (อาร์เซนอล ยิงเข้ากรอบ 2 ครั้งเป็น 2 ประตู) คงไม่มีทางเลือกต้องมอบเพียงแค่ 4 คะแนนให้กับ ‘พ่อหมี’ เพราะเขาเจอ เนลสัน บีบจนส่งบอลพลาด นำมาซึ่งการเสียประตูที่ 2
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (6 คะแนน)
เป็นหนึ่งในไม่กี่คนของ หงส์แดง ที่เห็นฟอร์มการเล่นเป็นรูปธรรม เทรนต์ มีจังหวะเติม-ครอสสวยๆ หลายต่อหลายครั้ง แต่เพื่อนร่วมทีมก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ แถมช่วงท้ายเกม เขายังเกือบทำประตูตีเสมอได้จากจังหวะซัดไกลแฉลบผู้เล่น อาร์เซนอล แต่โชคร้ายที่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ปฏิเสธไว้ได้
โจ โกเมซ (6 คะแนน)
เกมเมื่อคืนบอกลาฉายา โจ โกเหม่อ ได้เลย ไม่รู้เป็นเพราะผู้เล่นปืนโตหาจังหวะทำเกมกันไม่ได้เองหรือเปล่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่ โปรเจกต์ รีสตาร์ท เริ่มต้นขึ้น แถมวันนี้ก็ดักบอลสวยๆ และปะทะกับแนวรุกเจ้าบ้านได้อย่างแข็งแกร่ง 6 คะแนนถือว่ากำลังเยี่ยม
เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ (5 คะแนน)
กัปตันหงส์ ยามที่ เฮนเดอร์สัน ได้รับบาดเจ็บ – รับไปเต็มๆ กับจังหวะจ่ายบอลพลาดเข้าทางของ ลากาแซตต์ จนนำมาซึ่งการเสียประตูตีเสมอ แต่หลังจากนั้น เจ้าตัวก็กลับมายืนตำแหน่งได้ดี และไม่มีพลาดให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ดี เมื่อเสียในลูกที่ไม่ควรเสียไปแล้ว เขาก็สมควรได้รับเพียงแค่ 5 คะแนน
ลูกนี้ ‘เหวอ’ จริงๆ สำหรับ ฟาน ไดจค์
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (6.5 คะแนน)
ภาพรวมของ แอนดี้ วันนี้ถือว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้ทางขวาอย่าง เทรนต์ แต่เขามีหนึ่งแอสซิสต์ให้ ซาดิโอ มาเน่ ในการพังประตูขึ้นนำ เลยขอเพิ่มให้ 0.5 คะแนน นอกจากนี้ ยังเล่นงาน เซดริค ซะเหนื่อยทีเดียว
ฟาบินโญ่ (5.5 คะแนน)
อารมณ์ประมาณว่า ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ เราไม่ได้เห็นอิทธิพลในแดนกลางอะไรจากมิดฟิลด์รายนี้มากนัก นอกจากคอยปัดกวาดเกมรุกของ อาร์เซนอล (ซึ่งบุกมาน้อยเหลือเกิน) เท่านั้น
จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม (5 คะแนน)
ความจริงก็คล้ายกับ ฟาบินโญ่ เพราะในเกมที่ หงส์แดง มาครองบอลบุกใส่ อาร์เซนอล แบบหนักหน่วง เขาก็ไม่ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพอะไรให้เห็นมากมาย แม้จะมีจังหวะป้อนให้เพื่อนบ้างแต่ก็ไม่ชัดเจนอะไร
อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (4 คะแนน)
ถามแฟนหงส์กี่คนก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไม๊ทำไม “ดิ อ็อกซ์” ถึงได้ลงเป็นตัวจริงก่อน นาบี เกอิต้า หรือ คล็อปป์ คิดว่าหาก แชมเบอร์เลน ได้โอกาสลงวัดฝีมือกับทีมเก่า เขาจะโชว์พลังแฝงออกมา? คำตอบก็แสดงให้เห็นแล้วในสนาม ไม่มีอิมแพ็คกับเกมแม้แต่น้อย จบซีซั่นนี้อาจถึงเวลาของเขาแล้ว
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (4 คะแนน)
การตัดสินใจในพื้นที่สุดท้ายของ ‘บังโม’ ดูจะเสียกระบวนไปหมด หลายครั้งที่พยายามยิงประตูมากเกินไปทั้งๆ ที่มีบล็อกของผู้เล่นปืนโตขวางกันอยู่หลายชั้น (ปัญหานี้ดูเหมือนจะติดตัว ซาลาห์ มาตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลแล้ว) เขามีโอกาสสำคัญส่งบอลไปซุกก้นตาข่าย แต่ก็ทำไม่ได้ หากเทียบกับฟอร์มระดับสุดยอดในเกมกับ ไบรท์ตัน แล้ว การมอบ 4 คะแนนให้ก็คงไม่น่าเกลียดอะไรมาก
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (5.5 คะแนน)
ลงมาล้วง-เชื่อมเกมเหมือนที่เคยทำทั้งฤดูกาล ซึ่งก็ถือว่าทำได้โอเค ช่วงต้นเกมมีจังหวะสปริ้นท์ไปขวางลูกเปิด มาร์ติเนซ จนเกือบได้ประตู เจ้าตัวยังเป็นคนแทงให้ โรเบิร์ตสัน หลุดไปแอสซิสต์ให้ มาเน่ อีกด้วย
ซาดิโอ มาเน่ (7 คะแนน)
‘เดอะแบก’ ของจริง สำหรับ ตัวรุกชาวเซเนกัล นอกจากจะเป็นคนทำประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล แล้ว ตลอดทั้งเกม เขามีส่วนรวมในแทบจะทุกจังหวะบุกของ “หงส์แดง” ทั้งตัก-แทง-จ่าย-เลี้ยงบอล ทำทุกอย่างแล้วที่สามารถทำได้ แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้สโมสรเก็บ 1 แต้มออกมาจาก เอมิเรตส์ สเตเดียม เพราะฉะนั้นถ้าตัดเกรดวัดแค่ ลิเวอร์พูล อย่างเดียว มาเน่ คือ แมนออฟเดอะแมตช์
ตัวสำรอง
- นาบี เกอิต้า 5.5 คะแนน – แค่ลงมาก็เห็นความแตกต่างระหว่างตัวเขากับ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องพูดอะไรมาก
- ทาคูมิ มินามิโนะ 5 คะแนน – ลงมาแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ได้รับโอกาสประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงเต็ม ซึ่งก็ง้างยิงไปแค่ 2 ทีเท่านั้น วัดอะไรไม่ได้มาก คงต้องรอพิสูจน์กันแบบเต็มๆ ในซีซั่นหน้า
- เซอร์ดาน ชาคิรี่ ไม่มีคะแนน – ลงมาโดยเหลือเวลาแค่ 7 นาที แถมนี่ยังเป็นเกมแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม วัดอะไรไม่ได้เหมือนกัน
- ดิว็อค โอริกี้ ไม่มีคะแนน – โชว์จังหวะทำฟาล์วผู้เล่นปืนใหญ่ในช่วงก่อนหมดเวลาไปหนึ่งดอก
