สุขภาพและการแพทย์

ผู้ว่าฯ สั่งปิดโรงแรม จ.ภูเก็ต ทุกประเภท ลดการระบาดของ โควิด-19 เริ่ม 4 เม.ย.

นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ออกคำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 1797/2563 เรื่อง ปิดสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19

สรุปประเด็น

  • ปิดโรงแรม และสถานประกอบการในลักษณะเดียวกัน ทุกประเภท ยกเว้น โรงแรมซึ่งทางราชการใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม
  • โรงแรมที่มีผู้เข้าพัก-นักท่องเที่ยว ให้พักต่อไปจนกว่าจะแจ้งออกจนหมด แล้วให้ปิดทันที
  • เจ้าของธุรกิจโรงแรม ที่ยังมีผู้เข้าพัก-นักท่องเที่ยว ต้องแจ้งจำนวนและรายชื่อผู้เข้าพักให้อำเภอทราบ เพื่อตรวจคัดกรอง ทุกคน

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) ในประเทศไทย ทำให้ นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ฉบับลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดภูเก็ตพบว่า ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 (1) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อ 7 (1) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 ผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ต โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 12/2563 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2563 จึงออกคำสั่งไว้ ดังนี้

ปิดโรงแรมที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 ทุกประเภท และสถานประกอบการในลักษณะเดียวกัน ยกเว้น โรงแรมซึ่งทางราชการใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม หรือสถานที่พักเพื่อสังเกตอาการ หรือใช้เพื่อประโยชน์อื่นใดในทางราชการ ในการแก้ไขปัญหาตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุม การแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19

สำหรับโรงแรมที่มีผู้เข้าพักอยู่ก่อนที่คำสั่งนี้มีผลบังคับ ให้พักต่อไปจนกว่าผู้เข้าพักจะแจ้งออกจากห้องพักจนหมดแล้วให้ปิดทันทีโดยไม่ให้มีการรับผู้เข้าพักเพิ่มอีก ทั้งนี้ ให้โรงแรมที่ยังมีนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางเข้าพักอยู่ต้องแจ้งจำนวนและรายชื่อผู้เข้าพักให้ที่ทำการปกครองอำเภอทราบ

เพื่อตรวจคัดกรองผู้เข้าพักทุกคน หากผู้เข้าพักคนใดมีอาการเข้าขายที่ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกตอาการ ยังถานที่ที่จังหวัดกำหนด

หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ จะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1)

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

สั่ง ณ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2563

นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต

ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button