พรีเมียร์ลีก

สรุปผล-ไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก นัดที่ 27 พร้อมตารางคะแนน : หงส์ ทิ้ง 22 แต้ม

สรุปผล-ไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก นัดที่ 27 พร้อมตารางคะแนน : หงส์ ทิ้งห่าง 22 แต้ม : พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก ล่าสุด ทุกคู่ ไฮไลท์ลิเวอร์พูล ไฮไลท์แมนยู ไฮไลท์เชลซี สเปอร์ส

สรุปผล-ไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก นัดที่ 27 พร้อมตารางคะแนน – การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 นัดที่ 27 ลงทำการแข่งขัน 10 คู่ แล้วเสร็จครบถ้วนไปเมื่อคืนวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีไฮไลท์อยู่ที่เกมบิ๊กแมตช์ระหว่าง เชลซี เปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปดวล เลสเตอร์ ซิตี้ แย่งรองจ่าฝูง

Advertisements

*คลิกที่ผลการแข่งขันเพื่อชมไฮไลท์*

22 กุมภาพันธ์ 2563
เชลซี 2-1 ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
เบิร์นลีย์ 3-0 บอร์นมัธ
คริสตัล พาเลซ 1-0 นิวคาสเซิล
เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-1 ไบรท์ตัน
เซาแธมป์ตัน 2-0 แอสตัน วิลล่า
23 กุมภาพันธ์ 2563
เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1 แมนฯ ซิตี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 วัตฟอร์ด
วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 นอริช ซิตี้
อาร์เซนอล 3-2 เอฟเวอร์ตัน
25 กุมภาพันธ์ 2563
ลิเวอร์พูล 3-2 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

ตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังผ่านนัดที่ 27

MATCH REPORT

หงส์หืดจับ ดับขุนค้อน ! ไฮไลท์ ลิเวอร์พูล 3-2 เวสต์แฮม, มาเน่ ยิงชัยท้ายเกม

11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

  • ลิเวอร์พูล: (GK) อลิสซอน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, ฟาน ไดจค์, โรเบิร์ตสัน, เกอิต้า, ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม, ซาลาห์, ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่
  • เวสต์แฮม: (GK) ฟาเบียนสกี้, เอ็นกาเคีย, ดิย็อป, อ็อกบอนน่า, เครสเวลล์, ไรซ์, สน็อดกราสส์, ซูเช็ค, โนเบิ้ล, อันแดร์สัน และ อันโตนิโอ

เริ่มเกมมาได้แค่ 6 นาที เจ้าบ้าน เกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะส้มหล่น ฟาเบียนสกี้ นายทวาร “ขุนค้อน” แตะบอลยาว แล้วพยายามจะหวดทิ้ง แต่ดันไปติดบล็อคของ มาเน่ กระดอนเกือบเข้าประตู

GOAL! นาทีที่ 9 จากจังหวะต่อบอลกันทางฝั่งขวาแล้ว โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ เปิดบอลติดบล็อคเด้งไปเข้าทาง เทรนท์ อาร์โนลด์ ที่ตามไปครอสจากมุมธง โค้งมากลางประตูแล้วเป็น ไวจ์นัลดุม ขึ้นสะบัดโขก บอลตกพื้น ลูคัส ฟาเบียนสกี้ พยายามทิ้งตัวปัด แต่ก็เอาไม่อยู่ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

GOAL! นาทีที่ 12 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จุดประกายความหวังกองแช่งทั่วทุกสารทิศ จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวา สน็อดกราสส์ รับหน้าที่ปั่นโค้งไปที่เสาแรก บอลถึงศีรษะของ ดิย็อป ได้โขกลงพื้นเหมือนกัน อลิสซอน จนปัญญาควักไม่ออก ขุนค้อน ตีเสมอทันควัน สกอร์เป็น 1-1

Advertisements

หลังจากโดนประตูตีเสมอ ลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายครองเกมตามสไตล์ของพวกเขา แม้จะมีโอกาสน่าลุ้นมากกว่าค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำประตูขึ้นนำได้ และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 1-1

https://www.facebook.com/ThailandLiverpoolFC/photos/a.242962765861812/1564134520411290/?type=3&theater

 

GOAL! นาทีที่ 54 เวสต์แฮม เอาจริงยิงแซง หงส์ ได้ จากจังหวะที่ มาร์ค โนเบิ้ล ส่งต่อให้ ดีแคลน ไรซ์ เปิดเร็วเข้าไปตรงกลาง ฟอร์นัลส์ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองยิงเร็วผ่านมือของ อลิสซอน เบคเกอร์ เข้าไปอย่างเฉียบคม หงส์มึนงงโดนค้อนทุบเรียกสถิติ สกอร์เป็น 1-2

GOAL! นาทีที่ 68 เครื่องจักรสีแดง ตีได้สำเร็จ แชมเบอร์เลน ตัวสำรองครอสขวางสนามไปให้ โรเบิร์ตสัน ทางซ้าย เจ้าตัวทะลวงไปข้างหน้าก่อนวางให้ ซาลาห์ ได้ตั้งเท้าแป บอลค่อนข้างไร้น้ำหนัก กำลังจะเข้ามือ ฟาเบียนสกี้ แต่เจ้าตัวดันรับหลุดมือ ลอดขาตัวเองเข้าไปเลย สกอร์เป็น 2-2

GOAL! นาทีที่ 81 ลิเวอร์พูล หลังจากโหมอยู่นาน หงส์แดง ก็พลิกกลับมาแซงจนได้ หลัง โจ โกเมซ ตัดบอลได้ ขอลองซัดไกลพุ่งแฉลบ โนเบิ้ล แล้วโชคดีสุดๆ บอลไปเข้าทาง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้ตามไปเปิดที่สุดเส้นหลัง ตบเข้ากลางให้ มาเน่ ชาร์จจ่อๆ จ่าฝูง ขึ้นนำแล้วจ้า

ช่วงเวลาที่เหลือ ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูที่ 4 จากจังหวะที่ อาร์โนลด์ ตบเข้ากลาง (อีกรอบ) ให้ ซาดิโอ มาเน่ ชาร์จเข้าประตูไป แต่คราวนี้ หงส์ ล้ำหน้าจริง แถมเช็ค VAR แล้วก็ไร้ข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น หมดเวลา 90 นาที ลิเวอร์พูล พลิกนรกเอาชนะ เวสต์แฮม 3-2 ทิ้ง “เรือใบ” 22 แต้ม

โปรแกรมนัดถัดไป พวกเขาจะต้องบุกไปเยือน “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด คืนวันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ เวลา 00.30 น. ติดตามชมพรีวิว พร้อมช่องทางรับชมได้ที่ The Thaiger

บรูโน่แจ่ม ยิงและจ่าย ! ไฮไลท์ แมนยู 3-0 วัตฟอร์ด, ผีทะยานขึ้นที่ 5 จี้ เชลซี สามแต้ม

11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: (GK) เด เคอา, วาน-บิสซาก้า, ลินเดเลิฟ, แม็คไกวร์, ชอว์, เฟร็ด, มาติช, กรีนวู้ด, บรูโน่ เฟอร์นานเดส, เจมส์ และ อ็องโธนี่ มาร์กซิยาล
  • วัตฟอร์ด: (GK) ฟอสเตอร์, ดอว์สัน, กาซาเบเล่, แคธคาร์ต, มาซิน่า, กาปู, ฮิวจ์ส, เปเรย์ร่า, ดูคูเร่, เดวโลเฟว และ ทรอย ดีนีย์

นาทีที่ 17 แมนฯ ยู พลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำแบบงงๆ เริ่มต้นจากจังหวะที่ แดเนี่ยล เจมส์ เลี้ยงจี้เข้าหากรอบเขตโทษทางฝั่งซ้าย แล้วเปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ฟอสเตอร์ ปัดออกมาไม่ดี เข้าทาง แอรอน วาน-บิสซาก้า ได้วางเท้าแปโล่งๆ แต่ดันยิงออกซะงั้น สกอร์ยัง 0-0

GOAL! นาทีที่ 40 เจ้าบ้าน ได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 หลัง เจมส์ แทงให้ บรูโน่ เฟอร์นานเดส หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ เบน ฟอสเตอร์ พยายามจะออกมาตัดบอลไว้ แต่ดันไปคว้าขาของ บรูโน่ ทำให้ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกต้องแจกจุดโทษให้กับ แมนฯ ยู แล้วก็เป็น บรูโน่ เองที่สังหารเข้าไป

ผู้ตัดสินเป่านกหวีด หมดเวลา 45 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำ วัตฟอร์ด ด้วยสกอร์ 1-0

https://www.facebook.com/manchesterunited/videos/203979434154159/

 

VAR! นาทีที่ 52 แตนอาละวาด เศร้าสุดๆ เพราะพวกเขาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายแล้ว จากจังหวะเตะมุมด้านขวา บอลมาโดนแขนของ ดอว์สัน ไปชนเสาแล้วกระดอนมาเข้าทาง ทรอย ดีนีย์ ได้ซ้ำเผาขนเข้าไป แต่ VAR ไม่มีพลาด ริบประตูคืนทันที ทำให้สกอร์ยังอยู่ที่ 1-0

GOAL! นาทีที่ 58 ปีศาจแดง ยิงประตูทิ้งห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ บรูโน่ จ่ายบอลให้ มาร์กซิยาล ยิงไปติดเซฟ ฟอสเตอร์ แต่ว่าเจ้าตัวยังตามไปเก็บมาได้ แล้วโชว์พลิ้วคลึงหลอกผู้เล่นวัตฟอร์ด และ ฟอสเตอร์ ก่อนตักบอลข้ามตัว นายทวารสัญชาติอังกฤษ ไปแบบสุดเหนือชั้น ผีนำ 2 เม็ด

GOAL! นาทีที่ 75 จากจังหวะสวนกลับ เมสัน กรีนวู้ด พาบอลขึ้นมาเองจากตรงกลางสนาม ก่อนฝากไปให้ บรูโน่ แล้วเป็น บรูโน่ เองที่ตบคืนมาให้ ดาวรุ่งตัวเก่ง ตะบันด้วยซ้ายเสยตาข่ายเข้าไป

นาทีที่ 77 วัตฟอร์ด เกือบได้ประตูตีไข่แตก ฮิวจ์ส ลากบอลหนี เฟร็ด ก่อนไหลไปให้ เดวโลเฟว ปั่นโค้งๆ บอลฮุคไม่พอ ได้แค่เช็ดสามเหลี่ยมออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงเวลาที่เหลือ แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบได้ประตูย้ำชัยเป็น 4-0 จาก โอเดียน อิกาโล่ หลัง เมซิน่า ไปโหม่งคืนหลังพลาดเข้าทาง อิกาโล่ ลากหนี ฟอสเตอร์ มาแล้ว แต่มุมแคบทำให้ซัดไม่ค่อยถนัด สุดท้ายหมดเวลา 90 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่ม วัตฟอร์ด ด้วยสกอร์ 3-0

โปรแกรมนัดถัดไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้องบุกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ในวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม เวลา 21.00 น. ติดตามชมพรีวิว พร้อมช่องทางรับชมได้ที่ The Thaiger

ชิรูด์ ซัดเบิกร่อง ! ไฮไลท์ เชลซี 2-1 สเปอร์ส, ลุ้นพื้นที่ ชปล. ยังมันส์

11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

  • เชลซี: (GK) กาบาเยโร่, อัซปิลิกวยต้า, คริสเตนเซ่น, รูดิเกอร์, รีซ เจมส์, โควาซิช, จอร์จินโญ่, อลอนโซ่, เมสัน เมาท์, บาร์คลี่ย์ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
  • สเปอร์ส: (GK) ยอริส, ทานกานก้า, ซานเชซ, อัลเดอร์ไวเรลด์, แฟร์ต็องเก้น, เบน เดวิส, โล เซลโซ่, วิงค์ส, เอ็นดอมเบเล่, มูร่า และ สตีเว่น เบิร์กไวน์

นาทีที่ 10 ทีมเยือน เกือบได้ประตูขึ้นนำ ลูคัส มูร่า ลากบอลตัดเข้าในแล้วสับด้วยขวาเต็มๆ บอลพุ่งแรงแล้วทว่า กาบาเยโร่ ออกมาบีบมุมไว้แล้ว ทำให้ทิ้งตัวปัดได้ทัน

นาทีที่ 12 กลับมาเป็นโอกาสลุ้นของ เชลซี จากจังหวะสวนกลับ อลอนโซ่ ไหลให้ เม้าท์ ที่วิ่งสอดมาตามช่องหลุดเข้าไปในเขตโทษด้านซ้าย ก่อนยิงยัดเสาแรก แต่ ยอริส ก็ยังไม่พลาด

GOAL! นาทีที่ 15 เจ้าบ้าน มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่ได้รับโอกาสจาก แลมพาร์ด หนีไลน์ล้ำหน้าได้สำเร็จ ตัดสินใจซัดด้วยขวาติดเซฟของ ยอริส บอลกระดอนมาเข้าทาง รอสส์ บาร์คลี่ย์ ได้ซ้ำไปชนคาน! แต่ว่าบอลวิ่งมาหา ชิรูด์ อีกหน ซัดด้วยซ้ายเบียดเสาแรก สุดสวย สิงห์ ขึ้นนำ 1-0

นาทีที่ 34 สเปอร์ส มาดี เอ็นดอมเบเล่ แทงให้ มูร่า หลุดเข้าไปยิงติดบล็อคของ อัซปิลิกวยต้า เสียเตะมุม แล้วจากลูกเตะมุม ทานกานก้า โขกย้อนศรกลับมา วิลลี่ กาบาเยโร่ ต้องปัดข้ามคาน สุดท้ายหมดเวลา 45 นาทีแรก สเปอร์ส โดน สิงห์บลูส์ ออกนำ 1-0

https://www.facebook.com/ChelseaFC/photos/a.217015422258/10158340129552259/?type=3&theater

 

GOAL! นาทีที่ 48 เชลซี ได้ประตูไวในช่วงต้นครึ่งหลัง จากจังหวะที่ เมสัน เมาท์ จ่ายให้ บาร์คลี่ย์ ป้ายต่อให้ มาร์กอส อลอนโซ่ วิ่งมาหวดด้วยซ้าย นอกกรอบบอล ยอริส พุ่งไม่ทัน ไก่ ตีเสมอเป็น 1-1

นาทีที่ 52 กรรมการขอดู VAR จังหวะที่ โล เซลโซ่ ไปย่ำใส่หน้าแข้งของ อัซปิลิกวยต้า แบบอันตรายตรงกลางสนาม โดยเจ้าตัวรอดพ้นจากใบแดงเพราะมองว่าไม่ได้เจตนาทำร้ายคู่แข่ง

นาทีที่ 78 แทมมี่ อับราฮัม ที่เพิ่งลงสนามมา พลาดจังหวะเข้าชาร์จเหน่งๆ เหลือเชื่อ ยอริส เซฟได้เยี่ยม และยังไม่จบแค่นั้น นาทีต่อมา เมาท์ จ่ายบอลจากสุดเส้นหลังเข้าเขตโทษให้ แทมมี่ อีกหน คราวนี้ระยะเผาขนแต่ก็ยังไปติดเซฟของ โยริส อีกครั้ง ช่วงนี้เท้าบอดสุดๆ สำหรับ แทมมี่

GOAL! นาทึที่ 89 สเปอร์ส มีลูกฮึด มูร่า ไหลบอลต่อไปให้ ลาเมล่า หลุดเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะเปิดเข้ากลางบอลไปชนขา รูดิเกอร์ เปลี่ยนทางกลายเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ เชลซี สุดท้ายผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา 90 นาทีด้วยสกอร์ 2-1

โปรแกรมนัดถัดไป เชลซี จะต้องบุกไปเยือน บอร์นมัธ ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ เวลา 22.00 น. ในขณะที่ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ลงเล่นในวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม เปิดบ้านรับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ติดตามชมพรีวิว พร้อมช่องทางรับชมได้ที่ The Thaiger

 

MATCH REPORT คู่อื่นๆ ที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button