OFFICIAL! แมนฯ ยู สอย โอเดียน อิกาโล่ สัญญายืมตัวจบฤดูกาล – ไม่มีอ็อปชั่น
“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้สำเร็จ! สอย โอเดียน อิกาโล่ กองหน้าทีมชาติไนจีเรีย มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวจนสิ้นสุดฤดูกาล 2019-2020 – ไม่มีอ็อปชั่นซื้อขาดแนบมาด้วย
หลังจากที่ “น้าลูกอม” โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องประสบปัญหาขาดแคลนกองหน้าอย่างหนัก หลังการขาดหายไปของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของสโมสร ทำให้พวกเขาร้อนรนอย่างหนักในการเฟ้นหา หัวหอกที่สามารถเข้ามาเติมเกมรุกในช่วงฤดูกาลที่เหลืออยู่ได้
หนึ่งในผู้เล่นที่แฟนบอล ยูไนเต็ด ได้ยินข่าวลือกันหนาหูมากที่สุดคงหนีไม่พ้น เอดินสัน คาวานี่ กองหน้าตัวเก่งของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทว่าดีลดังกล่าวก็ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น ทำให้ “ผีแดง” ต้องหันไปเล็งนักเตะอย่าง โอเดียน อิกาโล่ รวมถึง โจชัว คิง ของ เอเอฟซี บอร์นมัธ ในช่วงโค้งสุดท้าย
ล่าสุด เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ แมนฯ ยูไนเต็ด แถลงข่าวดีว่า พวกเขาได้ทำการเซ็นสัญญายืมตัว โอเดียน อิกาโล่ มาร่วมถิ่น “โรงละครแห่งความฝัน” จนถึงช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ โดยสื่อรายงานว่า ไม่ได้มีการแนบอ็อปชั่นซื้อขายมาแต่อย่างใด นั่นหมายความว่านี่จะเป็นเพียงแค่วิธีแก้ปัญหา “ระยะสั้น” เท่านั้น
อิกาโล่ จะบินจาก สาธารณรัฐประชาชนจีน มายัง สหราชอาณาจักร ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยไม่มีการตรวจร่างกาย แม้ว่า จีน จะมีปัญหาการระบาดของ ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ แต่สื่อยืนยันว่า โอเดียน อิกาโล่ ฟิตพร้อมสมบูรณ์ และสามารถเป็นตัวเลือกให้กับ โซลชา ได้ทันที
สำหรับ อิกาโล่ เจ้าตัวเคยแจ้งเกิดกับ “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก่อนย้ายไปโกยเงินใน สาธารณรัฐประชาชนจีน กับ ฉางชุน หย่าไถ เป็นสโมสรแรก หลังจากนั้นจึงร่วมทีม เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ทีมชั้นนำในศึก ไชนีส ซูเปอร์ลีก ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019
ส่วนผลงานในถิ่น วิคาเรจ โร้ด กับ วัตฟอร์ด นั้น อิกาโล่ ลงสนาม 100 นัดในทุกรายการ ซัดไปได้ถึง 40 ประตู นอกจากนี้ยังติด ทีมชาติไนจีเรีย ไปแล้ว 35 นัด ทำไปได้ 16 ประตู โดยมีผลงานสุดประทับใจในศึก แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2019 ณ ประเทศอียิปต์ซึ่งเจ้าตัวคว้าตำแหน่ง ดาวซัลโวสูงสุด โดยทำไปถึง 7 ประตู ในรอบคัดเลือก ก่อนยิงในรอบสุดท้ายเพิ่มอีก 5 ประตู ด้วยกัน
✍ #MUFC can confirm that Odion Ighalo will join us on loan from Shanghai Shenhua until the end of the season.
Welcome, Odion! 🔴
— Manchester United (@ManUtd) February 1, 2020