กรณ์ จาติกวณิช ร่ายคำอำลา เผยสาเหตุลาออกพรรคประชาธิปัตย์
กรณ์ จาติกวณิช ลาออกพรรคประชาธิปัตย์ เขียนคำอลาครั้งสุดท้าย
จากกรณี นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ คืนวานนี้มีงานจัดเลี้ยงอำลา นายกรณ์ร้องเพลง รักเธอเสมอ โดยไม่อาจกลั้นน้ำตา
ล่าสุดนายกรณ์ ได้เขียนความในใจที่มีต่อการทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งยาวนานกว่า 15 ปี ไว้ในเฟซบุ๊ก ว่า
ขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์
ผมทำงานภาคเอกชนสายการเงินอยู่เกือบ 20 ปี ตำแหน่งสุดท้ายคือประธานธนาคาร JP Morgan (ประเทศไทย) ผมลาออกตอนอายุ 39 เพื่อมาสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกตอนนั้นก็เพราะอิ่มตัวกับการทำงานหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัว และอยากจะหันมาทำงานรับใช้บ้านเมือง
พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้โอกาสผมตลอดมา โดยที่โอกาสสำคัญที่สุดคือ การเป็นรัฐมนตรีคลังในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง และด้วยเหตุนี้ความผูกพันที่ผมมีกับพรรค และเพื่อนร่วมพรรคจึงเป็นสิ่งที่จะอยู่กับผมตลอดไป
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ร่วมพิจารณาอนุมัติงบประมาณแผ่นดินจนเสร็จเรียบร้อย ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลสามารถเดินหน้าได้เต็มที่ในการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคที่ผมได้ช่วยร่างไว้ในฐานะ (อดีต) ประธานนโยบาย ผมจึงคิดว่าผมได้ทำภารกิจที่พรรคได้มอบหมายไว้จนครบถ้วนหมดแล้ว ผมจึงได้ยื่นใบลาออกตามที่ตั้งใจไว้
ในการลาออกจากพรรคนั้น ผมขอขอบคุณมิตรภาพที่เพื่อน สส. และอดีตสส.ได้มอบให้ผม ผมจากไปจากพรรคแต่จะยังคิดถึงเพื่อนๆ ทุกคน แต่ที่สำคัญที่สุดผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้ให้โอกาสผมทำงานเพื่อบ้านเมือง ผมไม่มีวันลืมทุกคะแนนที่ให้ผมตั้งแต่ปี 2548 ในฐานะผู้สมัครประชาธิปัตย์ รวมถึงกำลังใจของทุกๆ คนที่กรุณามอบให้ผมเสมอมา
ผมมีความฝัน ที่อยากจะสร้างการเมืองแห่งความเปลี่ยนแปลง การเมืองที่กล้าคิด กล้าทำ มีความรอบคอบแต่ไร้ความกลัว มีความเด็ดเดี่ยวแต่มีคุณธรรม เป็นการเมืองที่จะชวนผู้คนในสังคมไทยที่มีศักยภาพ มาร่วมกันออกแบบและขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน
ตลอดเวลาที่ทำงานการเมือง ผมได้มีส่วนร่วมกับประชาชนหลากหลายกลุ่ม ทำให้ผมได้มองเห็นประเทศไทยและสังคมการเมืองไทยในภาพที่กว้างขึ้น และลึกขึ้น ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ผมตัดสินใจเดินหน้าสร้างทางเลือกทางการเมืองที่คนไทยแสวงหา เป็นการเมืองที่ต้องกล้าคิด กล้าทำ กล้าแม้แต่จะพลั้งพลาด และเป็นการเมืองที่มั่นใจในศักยภาพของคนไทย เป็นการเมืองที่มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงประเทศในหลากหลายมิติ ด้วยความเชื่อว่าหากเราไม่กล้าเปลี่ยน ไม่กล้าท้าทายตัวเอง คนไทยจะลำบาก เพราะเราจะแข่งขันไม่ได้
การจะตัดสินใจสิ่งใดๆ ก็ตาม ที่เป็นก้าวที่สำคัญของชีวิตจะต้องฟังเสียงข้างในของตัวเอง แต่สำหรับนักการเมืองไม่ว่าจะก้าวเล็กหรือก้าวใหญ่ต้องมาจากการรับฟัง ‘เสียงของประชาชน’ อีกด้วย
ดังนั้นทุกๆ ก้าวต่อไป
ผมตั้งใจจะเดินไปพร้อมกับพี่น้องประชาชนทุกคน
https://www.facebook.com/KornChatikavanijDP/posts/10158043339194740?__xts__%5B0%5D=68.ARCWQ-l7YEadHmPM_Hyi9ZSHaHTyaRyJxyF6w99H2dENA3yrbZbmh7VExyEXaD9ZV5Lj97Dg10KWcnRtsUSKWafLPFySFF65lKfZTLXB2qZp2cwFt-hDQSCj40nUzz8tDuIIvLiLfJ1dkvkc_AoADxJ9y14MCg7DABPTtln6DJ_FtsKKCXOv09G8jQkZBjDlDqH-ywEzLtKBDUv1TXWFeJdaPzo7eWSnOiH9cFyrywZaHIIrIPvTO1HBlptxFwcrt9UBa-fXHn8RLKilqDB5fEYV4IWl5ugmD2YFajLimW_t8HKQ-GJKmz-L_OgLh3Te1lKhagEGb5AIKIiW6A&__tn__=-R
ภาพจาก: Korn Chatikavanij