บิ๊กตู่กระกาศกร้าว ไม่ทนต่อการทุจริต ต้องก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์
บิ๊กตู่กระกาศกร้าว ไม่ทนต่อการทุจริต ต้องก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์
ข่าวทำเนียบรัฐบาล รายงาน วันนี้ (9 ธ.ค.2562) เวลา 09.30 น. ณ อาคารอิมแพ็คเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 – 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านคอร์รัปชัน ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด “Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต” เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำทางการเมืองร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนที่มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่องและเพื่อให้ประชาชนชาวไทยและนานาประเทศ ทราบถึงการดำเนินการต่อสู้กับปัญหาการทุจริตของประเทศไทยและเจตจำนงของคนไทยไม่ทนต่อการทุจริต โดยมี นายฌูเลียน การ์ซานี ผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก เป็นผู้แถลงสารองค์การสหประชาชาติ พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ มูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ภาคีเครือข่าย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทูตานุทูต สื่อมวลชน และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานกว่า 3,000 คน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำนวน 34 รางวัล และรางวัลการแข่งขันกิจกรรมเดิน-วิ่ง Good Guy Run 2019 รวมพลังวิ่งเพื่อส่งเสริมความดี จำนวน 4 รางวัล พร้อมกล่าวเปิดงานและประกาศเจตนารมณ์ ความว่า การต่อต้านทุจริตเป็นการสร้างจิตสำนึก ความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วนในทุกมิติ และเป็นการแสดงจุดยืนของประเทศ โดยกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียม ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดนโยบายเร่งด่วน ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการประจำ ดำเนินการพัฒนา ปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ให้ครอบคลุม ทั้งในเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐ ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมปราศจากการแทรกแซงของนักการเมืองและผู้มีอิทธิพล ตลอดจนวางมาตรการคุ้มครองพยานและกำหนดให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดกรณีทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและรวดเร็ว ซึ่งภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยตรวจสอบ เฝ้าระวังด้วย
นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงยุทธศาสตร์ชาติว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 พ.ศ. 2560 – 2564 มีเป้าหมายให้ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” โดยมุ่งหวังให้ระยะ 5 ปีข้างหน้า จะเป็นการปฏิรูปกระบวนการทำงานจากเดิม ไปสู่กระบวนการทำงานแบบบูรณาการทั้งระบบ ทั้งคน เครื่องมือ เทคโนโลยีโดยเริ่มจากการวางรากฐานทางความคิดของประชาชน ลดความขัดแย้ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า นอกจากตนเองจะไม่กระทำการทุจริตแล้ว จะต้องไม่อดทนต่อการทุจริตที่เกิดขึ้นในสังคมไทย คนไทยจะต้องก้าวข้ามค่านิยมอุปถัมภ์และความเพิกเฉยต่อการทุจริตประพฤติมิชอบ รวมทั้งแสดงเจตจำนงทางการเมืองที่ต้องการสร้างชาติที่สะอาดปราศจากการทุจริต ในส่วนของการขับเคลื่อนนโยบาย ต้องมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ขณะเดียวกัน กลไกการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ต้องได้รับความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นจากประชาชนว่าสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เป็นธรรม และเท่าเทียม รวมถึงต้องการสร้างการรับรู้ต่อประชาชนเพื่อให้การต่อต้านการทุจริต เป็นวัฒนธรรมของสังคมไทยต่อไปในอนาคต มีความรู้คู่คุณธรรม
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงแนวทางในการที่จะช่วยป้องกันและปราบปรามการทุจริตโดยการใช้ แนวทางประชารัฐ ในการรวมพลังทุกภาคส่วน ในกระบวนการตรวจสอบการทำงานของรัฐ โดยมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายประชารัฐเป็นกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ร่วมกันของทุกภาคส่วนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างยั่งยืน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้นำคนไทยทั่วประเทศและผู้ร่วมงานประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน โดยกล่าวพร้อมกันว่า จะประพฤติปฏิบัติตน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดมั่นในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จักปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตอาสา พร้อมทำความดี ด้วยหัวใจ ตลอดไป
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ เดินหน้า ล่าโกง ซึ่งจัดแสดงไว้เพื่อสร้างการรับรู้และความตื่นตัวต่อผลกระทบที่เกิดจากการทุจริต ก่อนเดินทางกลับ
ภาพจาก: รัฐบาลไทย