ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน ชมซ้อมใหญ่ ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน ชมซ้อมใหญ่ ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
ทูลกระหม่อมชมเรือพระราชพิธี – วันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงาน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โพสต์อินสตาแกรมส่วนพระองค์ nichax เป็นภาพชมการซ้อมขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค โดยระบุข้อความว่า
“ไปชมการซ้อมใหญ่เสมือนจริงพระราชพิธีพยุกยาตราทางชลมารคครั้งที่ 1 #งดงามมาก #21Oct19 #ไม่ว่างไม่ใช่ว่าไม่สวย”
ในวันเดียวกันนั้น เวลา 10.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมคณะกรรมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครั้งที่ 2/2562 ได้มีการหารือเพื่อแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ ถึงการเลื่อนการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 จากวันที่ 24 ตุลาคม 2562 โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดให้เป็นวันพฤหัสบดี ที่ 12 ธันวาคม 2562 เวลา 15.30 น. โดยริ้วขบวนจะเป็นดังเดิม
ภายหลังการซ้อมย่อยมา 10 ครั้ง และซ้อมใหญ่เสมือนจริง 1 ครั้งในวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมเห็นว่า หากเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครในวัน เวลาที่กำหนดการเดิม จะมีอุปสรรคในเรื่องของสภาพของกระแสน้ำ เมื่อเป็นเช่นนี้เพื่อความพร้อม ความสวยงาม และไม่กระทบกระเทือนต่อขบวนเรือ ไม่กระทบกระเทือนต่อการเสด็จพระราชดำเนิน และไม่กระทบกระเทือนต่อประชาชน ดังนั้น จึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยที่จะให้เลื่อนกำหนดเวลาของการมีขบวนเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคออกไปจากเดิม ซึ่งบัดนี้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยออกมาแล้ว ริ้วขบวนจะยังเป็นอย่างเดิม ใช้ขบวนเรือ 52 ลำ ความยาวของขบวนเรือประมาณ 1.2 กม. และระยะทางเสด็จพระราชดำเนินจากท่าวาสุกรีถึงท่าราชวรดิฐประมาณ 3.5 กม. ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร ดังเดิม โดยแบ่งการซ้อมย่อย 4 ครั้ง และซ้อมใหญ่เสมือนจริงในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ในเวลาเดิม คือ 15.30 น.
ทั้งนี้ เพื่อความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความปลอดภัยของประชาชน และจะมีการใช้เครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์หรือเลเซอร์เรนจ์ไฟน์เดอร์ เพื่อวัดระยะความห่างของขบวนเรือให้มีความสวยงามและปรับตกแต่งเล็กน้อย
ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ได้เตรียมพื้นที่สําหรับประชาชนเข้าชมขบวนเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค โดยสามารถเดินทางไปรับชมในพื้นที่สาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตามเส้นทางเสด็จพระราชดําเนินเลียบพระนครฯ เช่น สวนสันติชัยปราการ สวนนาคราภิรมย์ ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ใต้สะพานพระราม 4 เป็นต้น และ 6 วัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร วัดสามพระยาวรวิหาร วัดบวรมงคลราชวรวิหาร วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร วัดคฤหบดี ซึ่งประชาชนจะผ่านจุดคัดกรอง ดังนั้นควรพกบัตรประจําตัวประชาชน พร้อมกันนี้ขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเฝ้ารับเสด็จ และชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในวันที่ 12 ธันวาคม 2562 ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีย้ำว่า ในวันเวลาดังกล่าวไม่ถือเป็นวันหยุดราชการแต่อย่างใด หากประชาชนไม่สามารถเดินทางมารับชมได้ สามารถติดตามการถ่ายทอดสดได้ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เวลา 15.15 น.
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงการจัดงานนิทรรศการองค์ความรู้เกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม – 11 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00 น. – 21.00 น. ณ ท้องสนามหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2562 ถึงปี 2563 พสกนิกรได้ร่วมกันถวายความจงรักภักดีในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ 10 โดยภายในอาคารนิทรรศการฯ “เถลิงถวัลย์ราชสมบัติสยามรัฐสีมา” มีรูปแบบการจัดแสดง 3 ห้องประกอบด้วยห้องที่ 1 “มหามงคลสมัยพระขวัญไผทเถลิงรัช” ห้องที่ 2 จัดแสดงแสงสีเสียงและสื่อผสมชุด “นิรมิตเรืองนทีเถลิงหล้า” ห้องที่ 3 “ขบวนนาวาอารยศิลป์แผ่นดินสยาม” โดย ภายในพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการฯ ได้จัดทำอารยสถาปัตย์และจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ภายนอกอาคารนิทรรศการ ได้จัดแสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 ลำที่กรมศิลปากรได้จัดสร้างขึ้น ตลอดจนมีการจัดแสดงม่านน้ำเฉลิมพระเกียรติตระการตาโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดนิทรรศการฯ และชมการแสดงม่านน้ำ ในวันที่ 25 ตุลาคม 2562 จากนั้นประชาชนสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ตามวันและเวลาที่กำหนด
ขณะที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันประชาสัมพันธ์การเลื่อนการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกัน เพราะประชาชนที่ซื้อตั๋วรถไฟ ตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม ร้านอาหาร ไว้แล้ว จะได้ปรับเปลี่ยนแผนการเดินทาง พร้อมกันนี้ ทางคณะกรรมการฯ จะมีการหารือกับกระทรวงคมนาคมให้เจรจากับสายการบิน หาแนวทางอำนวยความสะดวกให้มีการเลื่อนตั๋วโดยสารให้กับประชาชน อีกด้วย (ที่มา: ข่าวทำเนียบรัฐบาล)