จะเกิดอะไรขึ้น หลังประยุทธ์ลาตำแหน่งหัวหน้าคสช. เปลี่ยนหัวโขนใหม่ที่ไร้ม.44
พล.อ.ประยุทธ์โบกมือลาตำแหน่งหัวหน้าคสช. เปลี่ยนหัวโขนใหม่ที่ไร้ม.44 ที่ทางและความเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ต่อตัวพลเอกประยุทธ์จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง : ข่าวการเมือง
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เผยแพร่สารถึงประชาชน เนื่องในวาระคสช.จะหมดอำนาจลง หลังการเข้าถวายสัตย์ของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ในวันที่ 16 ก.ค. เย็นนี้ โดยสารมีใจความว่า
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีคณะเดิมจะสิ้นสุดภารกิจและการปฏิบัติหน้าที่ลงในวันพรุ่งนี้ ผมในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีคณะเดิม ผมจึงขอถือโอกาสนี้อำลาพี่น้องประชาชนทั้งหลายและขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกท่าน โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ของ คสช. ข้าราชการการเมือง ข้าราชการฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่าย รวมถึงสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป และคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งได้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ขอขอบคุณพี่น้องประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการและภาคท้องถิ่นที่ให้ความร่วมมือกับ คสช. และรัฐบาลด้วยดีตลอดมา หลายเรื่องท่านดำเนินการไปเองตามกฎหมายตามหน้าที่หรือด้วยจิตอาสาด้วยความเรียบร้อย หลายเรื่องได้ดำเนินการคู่เคียงกับภาครัฐในรูปแบบการร่วมทุนหรือรูปแบบประชารัฐ
ดังนั้นความสงบสุข การพัฒนาประเทศ และการแก้ปัญหาต่าง ๆ จึงสามารถเป็นไปได้ด้วยดี คสช. และรัฐบาลตระหนักดีว่า ความสำเร็จในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
- การรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
- การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประชาชนทุกอาชีพรายได้
- การเรียกความเชื่อมั่นในการปฏิบัติตามพันธสัญญาและการลงทุนจากต่างประเทศให้กลับคืนมา
- รวมทั้งการแก้ปัญหาเดิมๆ ที่ค้างคาหมักหมมมานานปี
- การแก้ปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ
- การพิจารณาคดีต่าง ๆ ที่ค้างคาในกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องเป็นธรรม
- การออกกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาเก่าและเดินหน้าไปสู่การพัฒนาใหม่อย่างยั่งยืน
- การดำเนินการเพื่อการปฏิรูปประเทศและการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ
ทุกอย่างล้วนเป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนัก ความเสียสละ ความอดทน และความร่วมมือร่วมใจของท่านทั้งหลายโดยแท้ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแม้ในยามวิกฤติที่บ้านเมืองมีความรุนแรง ความขัดแย้งและความเห็นต่าง การบริหารราชการ รวมถึงการบริหารจัดการด้านงบประมาณมีปัญหาอุปสรรคด้วยข้อกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับ จนครั้งหนึ่งเมื่อ 6 – 7 ปีที่ผ่านมา ต่างชาติเคยมองว่าเราแทบจะเป็นประเทศที่ล้มเหลวอยู่แล้ว
แต่เมื่อเราตั้งใจแน่วแน่ว่าจะฟื้นฟูชื่อเสียงเกียรติคุณ ความสงบเรียบร้อยและสิ่งดีงามของประเทศให้กลับคืนมาให้จงได้ เราก็สามารถดำเนินการได้อย่างดี
มาบัดนี้ ผมใคร่ขอให้พี่น้องประชาชนได้กรุณานึกทบทวนว่า บ้านเมืองของท่านในวันนี้มีอะไรดีขึ้นบ้าง เปลี่ยนแปลงบ้าง หากมีส่วนที่ดีขึ้นกรุณาภาคภูมิใจเถิดว่านั่นคือผลจากความตั้งใจและความร่วมมือของเราทุกคนภายใต้พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งรัชกาลที่ 9 และรัชกาลปัจจุบัน สิ่งใดที่ยังไม่สำเร็จก็ต้องดำเนินการในรัฐบาลต่อไป ด้วยความรักความสามัคคีของคนในชาติ
(อ่านสารฉบับเต็มได้ที่นี่)
จะเกิดอะไรขึ้นกับพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลในวันที่ไร้ ม.44
ตามกำหนดการ อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมถึง มาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 จะหมดลงหลังการเข้าถวายสัตย์ของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นั่นหมายถึงยุติการรับเงินเดือน 2 ทางของพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ที่ควบทั้งหัวหน้าคสช และนายกรัฐมนตรี มากว่า 5 ปีเศษ ตามรายงานของ thematter รวมเงินเดือนแล้วกว่า 15.3 ล้านบาท
สำคัญกว่านั้นคือการเป็นรัฐบาลภายใต้การถ่วงดุลอำนาจแบบระบอบประชาธิปไตย จะต้องมีฝ่ายค้านซึ่งพลเอกประยุทธ์ยังไม่เคยเผชิญเลยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ถึงขนาดเปรยก่อนหน้านี้ว่า การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 25 ก.ค. นี้ ไม่ใช่โอกาสที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงกระแสที่ว่าอย่าใช้สภาล้มรัฐบาล
นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่รัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวพลเอกประยุทธ์เองต้องปรับตัวรับต่อสถานการณ์ที่ไม่ได้มีอำนาจล้นมือดังเช่นเก่า รวมถึงการตรวจสอบคานอำนาจที่หายไปก่อนหน้านี้จะกลับมา ภาพความสงบที่พลเอกประยุทธ์คอยย้ำอยู่เสมออาจหาไม่ได้ง่าย ๆ ในสภาผู้แทนราษฎร และคงเป็นสิ่งที่น่าปวดหัวอยู่ไม่น้อย เพราะการจะดำเนินนโยบายอะไรจะต้องผ่านการตรวจสอบ ไม่ได้ผ่านฉลุยดังเช่นก่อน
แต่ที่น่าสนใจคือ คำสัมภาษณ์ของ นายวิษณุ เครืองาม ระบุกรณีการถ่ายโอนอำนาจเรียกบุคคลมาปรับทัศนคติ “ยังคงอยู่” แต่เปลี่ยนมือมาอยู่ในความรับผิดชอบของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
การคงอยู่ในที่นี่ นายวิษณุระบุว่า ยังสามารถเรียกมาปรับทัศนคติได้ แต่ควบคุมตัวไม่ได้
นับเป็นสิ่งที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิด กับสถานะของรัฐบาลใหม่ที่ไร้ ม.44 อำนาจเด็ดขาดที่เคยมีมากว่า 5 ปี ขณะที่พลเอกประยุทธ์ยังคงพยายามชูผลงาน “ความสงบ” อย่างต่อเนื่อง ต่อจากนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะควบคุมประเทศให้สงบด้วยกลไกหรือวิธีใดต่อไป