กาชาดยัน ผู้ป่วยติดเอชไอวีจากเลือดบริจาคปี 47 แต่เลือดปัจจุบันปลอดภัยแน่นอน
พญ.จารุพร พรหมวงศ์ รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และ นายเกรียงศักดิ์ ไชยวงศ์ หัวหน้าตรวจฝ่ายคัดกรองโลหิต ออกมาชี้แจงกรณีที่มีผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีจากการรับบริจาคเลือดจากสภากาชาดไทย โดยระบุว่าเลือดดังกล่าวเป็นเลือดที่บริจาคเข้ามาตั้งแต่ปี 2547 และในสมัยนั้นยังไม่มีระบบคัดกรองกรองแบบตรวจน้ำเหลืองก่อนจะตรวจดีเอ็นเอ
ขณะนั้น ระบบยังไม่ทันสมัยซึ่งทำให้ไม่สามารถคัดกรองได้ว่า เลือดที่ได้รับบริจาคมามีระยะการฟักตัวของเชื้อโรคประเภทใดบ้าง และแม้ว่าก่อนรับบริจาค เจ้าหน้าที่จะมีการคัดกรองในรูปแบบของแบบสอบถามและสัมภาษณ์เกี่ยวกับภาวะการเสี่ยงติดเชื้อร้ายแรง แต่ผู้รับบริจาคก็ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโรคบางชนิดได้ ซึ่งในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ สภากาชาดไทยขอแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และพร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มที่ทุกกรณี
ทั้งนี้ หลังปี 2547 สภากาชาดไทยใช้ระบบคัดกรองตรวจดีเอ็นเอ ตรวจอาร์เอ็นเอ ตรวจระบบน้ำเหลือง หรือที่เรียกว่า ซีโรโรจี้ ควบคู่กันไปก่อนจะนำเลือดเข้าตรวจห้องปฏิบัติการ โดยเป็นขั้นตอนที่มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศในแถบยุโรปเพื่อรับรองความปลอดภัยให้กับผู้รับบริจาค อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้บริจาคจะต้องคัดกรองตนเองก่อนว่าไม่เป็นผู้ติดเชื้อใดๆ
ขอบคุณเนื้อหาจาก ไทยรัฐออนไลน์