ตำรวจกระบี่ บุกจับเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ เช่าคอนโดซุกยา รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท
เวลา 11.30 น.น.วันที่ 10 พ.ค.62 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8 ( ผบช.ภ.8) พ.ต.ท.มล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ผบก.ภ.จว.กระบี่ พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม ผกก.สส.ภ.จว.กระบี่ พ.ต.อ.ชวลิต เพชรศรีเปีย ผกก.สภ.อ่าวนาง เจ้าหน้าที่ ปปส. ทหาร ฝ่ายปกครอง ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ได้ ผู้ต้องหา 5 คน ประกอบด้วย น.ส.ทอฝัน เกตศรัทธา ออายุ22ปี น.ส.นวรัตน์ วรรณโร อายุ 31 ปี นายอนุพงศ์ วรรละออ อายุ 24ปี นส.วันวิสา ส้มตั้นอายุ 21 ปี และนายกิตติพงษ์ดำมุสิก อายุ 24 ปี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 311,443 เม็ด
ยาไอซ์ กว่า 10 กก. อาวุธปืน 1 กระบอก พร้อมกระสุน และ เครื่องชั่ง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ยึดทรัพย์ ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฯ อีก หลายรายการ อาทิรถเก๋ง 1 คัน กระบะ1คัน และรถจักรยายนต์ 5 คัน รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบา
ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า มีขบวนการยาเสพติดได้มีการลักลอบนำมาจำหน่ายและซุกซ่อนในอำเภอเมืองกระบี่จำนวนมาก โดยมี น.ส.ทอฝัน ผู้ต้องหารายที่1
เป็นผู้ทำหน้าที่เก็บยาเสพติดไว้ และเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านลีฟวิ่งโฮม
ต.อ่าวนาง จึงได้ทำการวางแผนปิดล้อมตรวจค้นจับกุม ที่บ้านพักดังกล่าวพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่จำนวนกว่า 1หมื่นเม็ด จึงได้ทำการขยายผลจับกุม ที่ห้องพักเดอะซีคอนโด พบนายอนุพงศ์ และนส.วันวิสา อยู่ภายในห้องพัก ตรวจค้นพบยาบ้า จำนวนกว่า 299,204 เม็ด และยาไอซ์อีกว่า 10 กก.และตรวจพบนายกิตติพงศ์ อยู่ภายในห้องนอน
พบยาบ้าอีกว่า 5 พันเม็ด จึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุมพร้อมแจ้งข้อหา
ร่วมกันมียาเพสติดติดประเภท1 (ยาบ้า ยาไอซ์)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
มีอาวุธปืน ควบคุมตัวส่งเจ้าพนังกานสอบสวนสภ.อ่าวนาง ดำเนินคดีตามกฏหมาย
จากการสืบสวนขยายผล ทราบว่าเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวได้ลักลอบ
ลำเลียงมาจากพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นนำมาพักไว้ที่ จังหวัดกระบี่
บางส่วนก็ได้ส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ โดยรับคำสั่งมาจาก ผู้ต้องหาอีกรายหนึ่ง
ในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมรับ
ค่าจ้างขนของกลางยาบ้า มัดละ 1พันบาท ส่วนยาไอซ์ รับค่าจ้าง กก.ละ 5 พันบาท
โดยทำมาแล้ว 5 ครั้ง โดยส่งของกลางผ่านทางรถขนส่งพัสดุเอกชน
ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังเครือข่ายต้นทางต่อไป