กู้ภัยหน้าบ้านนัทปง เข้าให้ปากคำ ยันพูดเรื่อง “หงส์” ปัดเรียกรับเงิน

กู้ภัยเคสรับศพคดีณัฐวุฒิ ปงลังกา ยันเสียงในวงจรปิดพูดถึง “หงส์” ประดับงานไม่ใช่ “ผง” หลังโซเชียลวิจารณ์สนั่น เผยตอนเจอร่าง มีเพื่อนผู้เสียชีวิต 2 คนนั่งกอดกันร้องไห้
วานนี้ (6 ธ.ค.68) ที่สภ.บางกรวย เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียก นายแบงค์ (นามสมมติ) และนายต้น (นามสมมุติ) อาสาสมัครกู้ภัย เข้าสอบปากคำกรณี นายณัฐวุฒิ ปงลังกา อายุ 35 ปี ผู้สื่อข่าวช่อง 8 นอนเสียชีวิตภายในบ้านหลังตรวจสอบพบสารไซยาไนด์ในร่างกาย
แต่ต่อมาเกิดประเด็นวิพาก์วิจารณ์กรณีรายงานว่า 2 กู้ภัยมีการแอบอ้างรีดไถเงินจากครอบครัวและเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตหรือไม่
ล่าสุดนั้น นายแบงค์ ยืนยันหลังให้ปากคำกับจนท. โดยระบุว่า วันเกิดเหตุตนเดินทางไปคุยเรื่องงานและมีการเสียชีวิตอยู่แล้ว 1 ราย จากนั้นได้รับแจ้งว่ามีเคสเสียชีวิต ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นนักข่าว
เสียงที่ได้ยินจากภาพวงจรปิด เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการติดต่อซื้อโลงศพ ไม่เกี่ยวกับเรื่องสารไซยาไนด์ ตนขายหงส์ประดับงานไม่ใช่ผง เรื่องโลงศพและดอกไม้ตนคุยกับเพื่อนตน ซึ่งเค้าต้องการให้มีหงส์ 1 คู่ ด้านล่าง และด้านบนโลงศพอีก 1 คู่
ส่วนค่าจัดงานศพที่เรียกไป 1 แสน กับ 8.5 หมื่น เขาจัดแบบงานออแกไนซ์ ซึ่งขณะนั้นตนคุยโทรศัพท์กับเพื่อนคือ นายต้น แต่เป็นการคุยทั้งสองเรื่องพร้อมกัน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องผู้เสียชีวิต
ส่วนการอัตวินิบาตกรรม ตนฟังมาจากเพื่อนเขาทั้งสอง หลังจากทราบจึงได้ให้ตำรวจแจ้งทีมแพทย์ ซึ่งปกติเมื่อแพทย์ตรวจสอบจะถามเรื่องโรคประจำตัว การใช้ยา วันเกิดเหตุตนเข้าไปพบว่าผู้เสียชีวิตนอนอยู่กับพื้นแล้ว และตนยืนอยู่ตรงปลายเท้า หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็ออกมายืนคุยโทรศัพท์หน้าบ้าน ไม่ได้เข้าใกล้ร่างผู้เสียชีวิต
อาสาสมัครกู้ภัยยืนยันว่าพวกตนได้รับแจ้งว่า ผู้เสียชีวิตกินยาเกินขนาด ซึ่งข้อมูลทั้งหมดอยู่ที่พนักงานสอบสวน ตนไม่รู้จักเพื่อนผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน เมื่อตอนเข้าไปก็แค่ซักถามประวัติผู้เสียชีวิตและยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นผู้สื่อข่าว จากที่เห็นสีหน้าเพื่อนผู้เสียชีวิตทั้งสองคน พวกเขาเศร้าและร้องไห้นั่งกอดกัน.
ที่มา : ไทยรัฐ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พุทธ อภิวรรณ เปิดแชทเพื่อนสนิท “นัท” โยง “ไซยาไนด์”
- บิ๊ก โฟนอินตอบ พุทธ คืนนั้นทำอะไร ณัฐวุฒิ ไม่กังวลคดีแต่รับประมาทดูแลพี่เขาไม่ดี
- พิธีเผาหลอก นัทปง ครอบครัว-เพื่อนร่วมงานร่ำไห้ 4 คนในบ้านวันสุดท้ายร่วมงานด้วย
ติดตาม The Thaiger บน Google News:



