หมอเตือน ไฝขึ้นอวัยวะเพศ เสี่ยงเป็นมะเร็ง แนะวิธีสังเกต

หมอระบบทางเดินปัสสาวะชี้ ไฝหรือตุ่มสีเข้มบริเวณอวัยวะเพศอาจเป็นมะเร็งผิวหนัง แนะผู้ชาย–ผู้หญิง หากเห็นความผิดปกติให้รีบพบแพทย์ ไม่ควรอายหรือปล่อยทิ้งไว้
จากกรณีสื่อไทยรายงานว่า นพ.กู้ ฟางอวี๋ แพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะจากจีน ออกมาเตือนผ่านคลิปล่าสุดว่า หากพบ ไฝหรือตุ่มสีเข้มบนอวัยวะเพศชาย ไม่ควรรีบมองว่าเป็นแค่ไฝธรรมดา เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังรุนแรง หรือแม้แต่ มะเร็งผิวหนัง ได้
เขาเล่าว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งส่งคำถามมาว่า แฟนหนุ่มมีไฝขึ้นที่อวัยวะเพศ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือเปล่า? คุณหมออธิบายว่า “จุดสีเข้ม” บริเวณอวัยวะเพศอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ไฝธรรมดา ไปจนถึงโรคผิวหนังก่อนมะเร็งและมะเร็งจริง ๆ
สิ่งที่เขาย้ำคือ “ถ้ารู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาทันที” และไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงเองก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน เพราะเขาเคยพบผู้ป่วยหญิงที่มีรอยโรคลักษณะนี้บริเวณอวัยวะเพศภายนอกมาแล้ว
ไฝบนอวัยวะเพศ ไม่ได้แปลว่าเป็นมะเร็งทุกคน
หมอกู้ อธิบายว่า การมีไฝหรือจุดสีคล้ำขึ้นที่อวัยวะเพศชายอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ใช่แปลว่าทุกกรณีเป็นมะเร็งหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยคร่าว ๆ แบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
ไฝหรือปานทั่วไป (Nevus) เป็นไฝธรรมดาที่หลายคนมีอยู่แล้ว เพียงแต่อยู่ในตำแหน่งที่คนไม่ค่อยสังเกต จึงเพิ่งมาเห็นภายหลัง
เนโว เมลาโนไซต์ (Melanocytic nevus) เป็นไฝที่เกี่ยวข้องกับเซลล์สร้างเม็ดสี เมลาโนไซต์ บางชนิดเป็นไฝธรรมดา แต่บางชนิดสามารถพัฒนาไปสู่มะเร็งผิวหนังได้ โดยเฉพาะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง สี หรือขนาด
งานศึกษาทางผิวหนังระบุว่า รอยโรคเมลาโนไซต์บริเวณอวัยวะเพศพบได้ มากกว่าที่หลายคนคิด
มีรายงานว่าผู้ชายราว 10–12% อาจมีไฝหรือปานเม็ดสีบริเวณอวัยวะเพศหรือใกล้เคียง และส่วนใหญ่จัดเป็นไฝชนิดธรรมดา ไม่ใช่มะเร็งผิวหนัง
มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาในอวัยวะเพศชายถือว่า พบค่อนข้างน้อยมาก เมื่อเทียบกับมะเร็งผิวหนังตำแหน่งอื่น ๆ มีข้อมูลว่ามะเร็งเมลาโนมาบริเวณอวัยวะเพศคิดเป็น ไม่ถึง 0.1% ของมะเร็งผิวหนังทั้งหมด และราว 1–2% ของมะเร็งอวัยวะเพศชายทั้งหมด
แต่ปัญหาคือ แพทย์เองก็บอกจากการมองด้วยตาเปล่าได้ยาก ว่าไฝเม็ดไหน “ปลอดภัย” หรือมีโอกาสเป็นมะเร็งหรือภาวะก่อนมะเร็ง จำเป็นต้องอาศัยการตรวจร่างกายอย่างละเอียด หรือแม้กระทั่งการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ (biopsy) เพื่อยืนยันผล
โรคผิวหนังแบบโบเวน (Bowen’s disease)
จัดเป็น “ภาวะก่อนมะเร็ง” ของผิวหนัง สามารถเกิดได้หลายบริเวณ ไม่จำกัดแค่ที่อวัยวะเพศ หมอกู้ระบุว่าเคยพบผู้ป่วยที่มีรอยโรคแบบนี้ขึ้นที่บริเวณสะโพกด้วยเช่นกัน โรคชนิดนี้มีความเชื่อมโยงกับการติดเชื้อไวรัส HPV บางสายพันธุ์
นอกจากนั้น บริเวณอวัยวะเพศยังอาจพบรอยโรคอื่น ๆ ได้ เช่น
หูดจากเชื้อ HPV (หูดหงอนไก่)
รอยระคายเคืองจากการเสียดสี หรือรูขุมขนอักเสบ
หมอกู้เล่าว่า โรคผิวหนังแบบโบเวน และมะเร็งผิวหนังบางชนิดบริเวณอวัยวะเพศ มีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัส HPV โดยเชื้อไวรัสนี้ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาเฉพาะที่ปากมดลูกในผู้หญิง แต่ยังเกี่ยวข้องกับผิวหนังและเยื่อบุในจุดอื่น ๆ ของร่างกายด้วย
หากผิวหนังบริเวณนั้นติดเชื้อ HPV และมีรอยโรคเกิดขึ้น แล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา มีโอกาสที่เซลล์ผิดปกติจะค่อย ๆ พัฒนาเป็นมะเร็งผิวหนัง และในกรณีรุนแรง อาจลุกลามกระจายไปยังปอดหรือสมองได้

รักษาได้ถ้าเจอตั้งแต่ระยะแรก
ข่าวดีคือ หากตรวจพบรอยโรคเหล่านี้ตั้งแต่ระยะแรก และยังไม่ลุกลามไปที่อื่น หมอกู้ระบุว่า สามารถรักษาได้ด้วยการ จี้ออก (เช่น เลเซอร์หรือไฟฟ้าจี้ ตามดุลยพินิจแพทย์) หรือผ่าตัดเฉพาะรอยโรคออก
หลังจากนั้นก็รอให้ผิวหนังสร้างใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะกลับมาดูปกติ จากนั้นแพทย์จะนัดติดตามอาการเป็นระยะ ๆ เพื่อตรวจว่ามีรอยใหม่ หรือมีการกลับมาเป็นซ้ำหรือไม่
แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้จนเป็นมาก ลุกลามลึกหรือกระจายไปยังอวัยวะอื่น การรักษาจะซับซ้อนขึ้นทันที ทั้งการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือการรักษาแบบอื่น ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก
สัญญาณแบบไหน ไฝบนอวัยวะเพศ ที่ควรรีบไปพบแพทย์
หมอผิวหนังและแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ มักแนะนำให้สังเกตไฝหรือจุดสีคล้ำบนร่างกาย รวมถึงอวัยวะเพศ ตามหลักง่าย ๆ ใกล้เคียง ABCDE ของไฝมะเร็ง ดังนี้
-
รูปร่างเปลี่ยนไป
เดิมกลมสวย อยู่ดี ๆ เบี้ยว บิด ๆ ไม่สมมาตร -
ขอบไม่เรียบ
ขอบไฝขรุขระ เบลอ ๆ ไม่ชัด เป็นรอยซุ่ย ๆ -
สีผิดปกติหรือหลายสีในเม็ดเดียว
ดำเข้มมาก น้ำตาลปนเทา แดง น้ำเงิน หรือมีหลายสีปนกัน -
ขนาดใหญ่ขึ้นหรือโตเร็ว
โดยเฉพาะถ้าเริ่มเกินประมาณ 6 มิลลิเมตร หรือเคยเล็กแต่ขยายเร็วผิดปกติ -
มีอาการร่วม
- เจ็บ
- คัน แสบ
- เลือดออกง่าย
- เป็นแผลแล้วไม่ยอมหาย
ถ้าไฝหรือจุดใดจุดหนึ่งตรงอวัยวะเพศมีลักษณะเข้าเกณฑ์เหล่านี้ หรือรู้สึก “ผิดปกติจากเดิมชัดเจน” ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ตรวจทันที ไม่ควรรอดูยาว ๆ เอง

ไม่ใช่เรื่องของผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็เสี่ยง
หากผู้หญิงสังเกตเห็น ปื้นสีแดงหรือคล้ำผิดปกติ ตุ่มหรือไฝที่รูปร่างเปลี่ยนไป หรือแผลที่ไม่ยอมหายสักที บริเวณแคมอวัยวะเพศ หรือผิวหนังรอบ ๆ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์หรือแพทย์ผิวหนัง เพื่อประเมินอย่างละเอียด ไม่ต่างจากผู้ชาย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สิ้น นักแสดงอาวุโส เสียชีวิตในวัย 76 ปี หลังต่อสู้โรคมะเร็งปอดมาตลอด 3 ปี
เนท My Mate Nate แจ้งข่าวช็อก “ป่วยมะเร็งผิวหนัง” เผยปัจจัยเสี่ยงอันตราย
อย่าชะล่าใจ ภัยเงียบจากแผลตุ่มนูน สัญญาณเตือนมะเร็งผิวหนัง
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





