
รีวิวชุดแรก Wicked: For Good ปิดตำนานเอลฟาบา กลินดา รีวิวเมืองนอกบอกหนังมืดขึ้น ดราม่าหนักขึ้น คะแนนนักวิจารณ์ราว 7 เต็ม 10 แต่คะแนนคนดูกวาดเกือบ 100% แฟนมิวสิคัลแนะนำว่าห้ามพลาด
หลังจาก Wicked พาร์ทแรกเปิดจักรวาลออซเวอร์ชันใหม่ไปเมื่อปีที่แล้ว โรงหนังสัปดาห์นี้คึกคักด้วยเสียงเพลงภาคจบ Wicked: For Good ที่เล่าเรื่องต่อทันทีจากตอนจบภาคแรก เชื่อมเหตุการณ์ตัวละครเข้าสู่โลก The Wizard of Oz
แม้เพิ่งเข้าฉายต่างประเทศไม่นาน แต่คะแนนและรีวิวชุดแรกก็ออกมาแล้ว ภาพรวมค่อนข้างชัดเจนว่า นักวิจารณ์รู้สึก โอเคถึงดี ส่วนคนดูทั่วไปรักมาก
คะแนนรีวิว นักวิจารณ์ 74% คนดู 98%
ตามข้อมูลจาก Rotten Tomatoes และ Metacritic ตอนนี้ Wicked: For Good ได้คะแนนฝั่งนักวิจารณ์เฉลี่ยประมาณ 74% จากราว 90 รีวิว และคะแนน Metacritic อยู่แถว ๆ 61/100 เสียงชื่นชมค่อนข้างดีแต่มีบาดแผลชัด
ฝั่งคนดูให้ความชอบคนละขั้ว เพราะคะแนน Audience Score ของ Rotten Tomatoes เปิดมาที่ราว 98% จากรีวิวผู้ชมจำนวนมาก บนโซเชียลมีเดีย X (Twitter) และ TikTok แฮชแท็ก #WickedForGood เต็มไปด้วยคอมเมนต์แนว “ร้องไห้ตั้งแต่ครึ่งหลัง”, “ภาคสองดีกว่าภาคแรก” และ “จบได้สมศักดิ์ศรีเวทีบรอดเวย์” หลายสื่อ รวมถึง Times of India ก็เก็บเสียงแฟน ๆ มาบอกตรงกันว่าเป็น “emotional finale” ที่ทำให้คนดูอิ่มทั้งภาพและอารมณ์

นักวิจารณ์รีวิว ดราม่าหนักขึ้น แต่ภาพมืด–จังหวะเล่าเรื่องยังไม่กลมกล่อม
สื่อสายบันเทิงอย่าง Vulture เขียนหัวชัด ๆ ว่า “Wicked: For Good Is Actually Better Than the First” มองว่าภาคนี้พาเรื่องไปสู่ด้านมืดของการเมืองในออซอย่างจริงจัง ความสัมพันธ์เอลฟาบากลินดาถูกขยายให้ลึกขึ้น ตอนจบช่วยอัปเลเวลให้ทั้งสองภาคกลายเป็นมหากาพย์มิวสิคัลในโรงภาพยนตร์แบบครบสูตร
Austin American-Statesman ชมการแสดงของ Cynthia Erivo (Elphaba) และ Ariana Grande (Glinda) ว่าเป็นหัวใจของหนัง เสียงร้อง–เคมีบนจอทำให้ฉากร้องเพลงใหญ่ ๆ มีน้ำหนัก ยิ่งช่วงที่ออซเริ่มใช้โฆษณาชวนเชื่อใส่เอลฟาบา และกลินดาถูกดันให้กลายเป็น “แม่มดดี” ฉากทางการเมืองเข้มข้น
ฝั่งที่ไม่ปลื้มมากนัก เช่น The Washington Post มองว่าภาคนี้ “รวบรัดแต่ก็วกไปวนมา” พยายามผูกเรื่องให้เชื่อมกับ The Wizard of Oz แต่ยังไม่ลงตัว จังหวะดำเนินเรื่องบางช่วงเนือยเกินไป เพลงใหม่อย่าง “No Place Like Home” กับ “The Girl in the Bubble” ไม่ได้โดดเด่นเท่าเพลงฮิตจากละครเวที
หลายรีวิวยังพูดคล้ายกันว่า โทนภาพมืดขึ้นทั้งในเชิงเนื้อเรื่องและงานภาพ ใครชอบความแฟนตาซีสดใสแบบภาคแรกอาจรู้สึกว่าภาคนี้หม่นกว่าเดิมพอสมควร แต่ก็แลกกับการปิดประเด็นการเมือง–อคติ–การสร้าง “วายร้าย” ในสายตาสังคมได้ชัดกว่าเดิม

คนดูอินจุดไหน อารมณ์จบสตอรี่ เคมีสองแม่มด คือของจริง
คนดูบอกว่าภาคนี้ทั้งมืด ทั้งเศร้า ทั้งอบอุ่นในเรื่องเดียว หลายคนมองว่าการเล่าเรื่องหลังจากเอลฟาบา กลินดาถูกแยกทางกัน ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีมิติขึ้น เหมือนดูเพื่อนรักที่ถูกบังคับให้ยืนคนละด้านของเกมการเมืองในออซ ตอนจบก็เคลียร์ได้กินใจมากกว่าภาคแรก
แทบทุกรีวิว ทั้งเว็บวิจารณ์และคอมเมนต์คนดู ใช้คำไปในทางเดียวกันว่า การแสดงของ Cynthia Erivo คือแกนหลักของหนัง เสียงร้องในเพลงใหญ่อย่างซีนท้าย ๆ ทำให้เอลฟาบามีพลังเต็มจอ ส่วน Ariana Grande โดนคาดหวังเป็นพิเศษ ได้รับคำชมว่าทำการบ้านบทกลินดาได้ลึก ไม่ได้เป็นแค่สายสดใส แต่มีด้านเปราะบาง–ลังเลที่ชัดขึ้นในภาคนี้
หลายคนบอกตรง ๆ ว่า “ดูเพราะสองคนนี้ก็คุ้มแล้ว”
แฟนมิวสิคัลที่คุ้นกับเวทีบรอดเวย์มองว่า แม้หนังจะตัด–เพิ่มบางเพลง แต่โครงหลักยังรักษาความสัมพันธ์ของตัวละครและประเด็นเรื่อง “คนดีคนเลวในสายตาสังคม” เอาไว้ค่อนข้างครบ การเห็นเรื่องราวถูกปิดเกมบนจอใหญ่ ทำให้หลายคนบอกว่ารู้สึกเหมือนได้ดูรอบสุดท้ายของโชว์ใหญ่ที่ผูกกับความทรงจำวัยเด็กของตัวเอง

ตัวเลขจองตั๋ว แฟนทั่วโลกรออยู่แล้ว
ด้านกระแสตั๋วล่วงหน้า รายงานของ Fandango ที่ถูกอ้างใน Wikipedia ระบุว่าเมื่อเปิดขายบัตรวันแรก Wicked: For Goodกลายเป็นหนังที่มียอดจองวันแรกสูงที่สุดของปี 2025 บนแพลตฟอร์ม และเป็นหนังเรต PG ที่ขายตั๋ววันแรกสูงสุดตลอดกาลของ Fandango ด้วย แซงหน้า Frozen 2 และ The Lion King ฉบับสร้างใหม่ไปเรียบร้อย
แปลว่าฐานแฟนถูกปูมาตั้งแต่ภาคแรก และภาคสองมีคนรอดูอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก
สำหรับคนดูไทย ควรไปดูไหม?
จากภาพรวมรีวิวตอนนี้ ถ้าให้สรุปสั้น ๆ สำหรับคนไทยที่กำลังตัดสินใจซื้อตั๋ว Wicked: For Good ถ้าคุณ ชอบภาคแรก หรือเป็นแฟนมิวสิคัลเวที ภาคนี้แทบจะเป็นภารกิจต้องดู เพราะเป็นตอนจบที่ช่วยให้เรื่องราวของเอลฟาบากลินดาเดินทางไปจนสุด ทั้งในมุมเพื่อนรักและมุมการเมืองในออซ
ถ้าคุณ คาดหวังงานภาพสว่างสดใสแบบแฟนตาซีล้วน ๆ ภาคนี้จะมืดและซีเรียสขึ้นพอสมควร ทั้งการเมือง การล่าแม่มด และการใช้โฆษณาชวนเชื่อ อาจไม่เบาสมองเท่าที่คิด
ถ้าคุณ ซีเรียสเรื่อง pacing กับเพลงใหม่ หลายนักวิจารณ์บอกว่าจังหวะเล่าเรื่องยังไม่เนียนทุกจุด และเพลงใหม่ไม่ได้ติดหูเท่าเพลงเดิม แต่การแสดงของ Cynthia–Ariana ช่วยพยุงอารมณ์จนคนดูส่วนใหญ่แฮปปี้
โดยรวมแล้ว นี่ไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบในสายตานักวิจารณ์ แต่เป็นหนังที่แฟน ๆ เทใจให้แบบเกือบเต็ม ถ้าคุณเคยอินกับ Wicked ไม่ว่าจะจากเวทีหรือภาคแรก การไปดูภาคจบในโรงน่าจะให้ความรู้สึกครบกว่ารอดูสตรีมมิ่งแน่นอน
ส่วนใครที่ยังไม่เคยดูภาคแรก แนะนำให้ไล่ดู Wicked: Part One ให้จบก่อน แล้วค่อยเข้า For Good จะเข้าใจเส้นเรื่องมิตรภาพของสองแม่มดมากขึ้น และสนุกกับตอนจบได้เต็มที่กว่าเดิม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:





