
งานวิจัยเผย Gen Z ถึง 7 ใน 10 คนเครียดเรื่องเงินจนนอนไม่หลับ แต่กลับเลือกหนีปัญหาด้วยการไถมือถือ นอนเปื่อยบนเตียง แนะปรับพฤติกรรมเพื่อกู้วิกฤตการเงินพร้อมคุณภาพการนอน
สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันไม่ได้ใจดีกับคนรุ่นใหม่ อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง ตัวเลขการว่างงานทะยานไม่หยุด ส่วนหนึ่งจากนโยบายบริษัทใช้ AI เข้ามาแทนที่งานพื้นฐาน เป็นความจริงที่บัณฑิตจบใหม่และวัยทำงานตอนต้นต้องเผชิญ ผลกระทบจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจรุนแรงกว่าแค่เรื่องเงินในกระเป๋า เพราะมันลามไปถึงช่วงเวลาพักผ่อนที่สำคัญที่สุดอย่างการนอนหลับ
วิกฤตการนอนของ Gen Z
Amerisleep ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์การนอนหลับ วิเคราะห์ผลกระทบของเศรษฐกิจต่อพฤติกรรมการนอน พบข้อมูลที่น่ากังวล คนอเมริกันเกือบครึ่งยอมรับว่านอนไม่หลับเพราะความเครียดเรื่องเงิน หลายคนยอมรับว่าคุณภาพการนอนแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อต้องเผชิญกับนโยบายทางเศรษฐกิจใหม่ๆ หรือภาวะสินค้าราคาแพง จนถึงขั้นสะดุ้งตื่นกลางดึก
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ Gen Z หรือคนรุ่นใหม่ที่เป็นกำลังสำคัญของโลกอนาคต ผลสำรวจชี้ว่า 7 ใน 10 คน นอนไม่หลับเพราะกังวลเรื่องราคาสินค้า ค่าเช่าที่พัก ความมั่นคงในงาน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดนี้ แทนที่จะลุกขึ้นมาทำงบประมาณ หรือวางแผนบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อแก้ปัญหา พวกเขากลับเลือกวิธีหนีความจริงผ่านหน้าจอ
คนรุ่นใหม่จำนวนมากเลือกใช้ความสบายชั่วคราวเพื่อบรรเทาความกังวล พฤติกรรมยอดฮิตคือ Bed Rotting หรือการนอนเปื่อยอยู่บนเตียงนานหลายชั่วโมง พร้อมกับจ้องหน้าจอทีวี หรือไถโซเชียลมีเดียไปเรื่อยๆ
พฤติกรรมหลีกหนีปัญหา อาจทำให้รู้สึกว่าเรายังควบคุมสถานการณ์ได้ในขณะที่โลกภายนอกดูวุ่นวาย แต่การหนีปัญหาการเงินไปหาโดพามีนด่วนจี๋จากโซเชียลมีเดีย เป็นเพียงการซื้อเวลา รายงานระบุว่าความสบายใจนี้เกิดขึ้นแค่ชั่วคราว มันจะไปรบกวนวงจรการนอนหลับ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียกว่าเดิม และเมื่อถึงเวลาดึกสงัด ความกังวลเรื่องเงินก็จะกลับมาเล่นงานเราอยู่ดี

วิธีหยุดวงจรหนีปัญหา
หากคุณรู้ตัวว่ากำลังติดอยู่ในลูปนี้ ผู้เชี่ยวชาญมีคำแนะนำเพื่อดึงชีวิตและการนอนหลับกลับคืนมา
1. สร้าง Worry Window (หน้าต่างแห่งความกังวล) โดยแทนที่จะเก็บความเครียดไปคิดตอนหัวถึงหมอน ให้กำหนดเวลาช่วงกลางวันสัก 15-20 นาที เพื่อจดบันทึกสิ่งที่กังวลพร้อมทางแก้ไขที่เป็นไปได้ เมื่อถึงเวลานอนแล้วสมองเริ่มคิดฟุ้งซ่าน ให้บอกตัวเองว่าเรื่องนี้เราได้พิจารณาและหาทางออกไว้แล้ว
2. เคอร์ฟิวโทรศัพท์ การหยุดไถมือถือเรื่อยเปื่อย ต้องอาศัยความเด็ดขาด ลองหยุดเล่นมือถือ 1 ชั่วโมงก่อนนอน หรือนำอุปกรณ์ไปชาร์จไว้ห้องอื่น เพื่อตัดสิ่งล่อใจ
3. หากิจกรรมทดแทน สมองต้องการกิจกรรมมาแทนที่ช่วงเวลาที่เคยไถหน้าจอ ลองหันมาอ่านหนังสือ ยืดเหยียดร่างกายเบาๆ หรือเขียนบันทึกขอบคุณประจำวัน กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้สมองผ่อนคลายได้จริง

เผชิญหน้าความจริงเพื่อความมั่นใจ
การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือทางออกที่ดีที่สุด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เริ่มจากเป้าหมายทางการเงินเล็กๆ ที่ทำได้จริง เช่น การเริ่มเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน หรือตั้งใจเคลียร์หนี้ก้อนเล็กให้หมด
ลองติดตามรายรับ รายจ่าย และหนี้สินอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้เห็นสถานะที่แท้จริงของตัวเอง แทนที่จะใช้ชีวิตอยู่บนความหวาดระแวง การมีความรู้ ว่าเงินเราไปไหนและเหลือเท่าไหร่ จะช่วยลดความวิตกกังวลที่เกิดจากความไม่รู้ และคืนอำนาจการควบคุมชีวิตกลับมาสู่มือคุณอีกครั้ง
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





