ป.ป.ช. เปิดเซฟรองนายกฯ ควบรัฐมนตรีคลังพร้อมคู่สมรส พบทรัพย์สินพุ่ง 44 ล้านในรอบ 3 ปี โชว์รายได้ต่อปีเกือบ 27 ล้าน เน้นหนักค่าตอบแทนกรรมการและกำไรขายกองทุน
ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองในแวดวงการเมืองและเศรษฐกิจเกิดขึ้นเมื่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ดำเนินการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง โดยเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ได้นำเสนอข้อมูลของ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล การยื่นบัญชีครั้งนี้เป็นกรณีครบวาระ 3 ปีที่ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งนายเอกนิติได้ยื่นไว้ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2567 สมัยที่ยังนั่งเก้าอี้อธิบดีกรมสรรพสามิต
เปิดทรัพย์สิน-หนี้สิน เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
ข้อมูลจากเอกสารระบุถึงสถานะความมั่งคั่งของนายเอกนิติและคู่สมรส นางร้อยแก้ว นิติทัณฑ์ประภาศ ว่ามีทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้นกว่า 159,791,606 บาท ขณะที่มีภาระหนี้สินเพียงเล็กน้อยที่ 2,003,119 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน หากแยกรายละเอียดทรัพย์สินรายบุคคลจะพบว่า ฝั่งนายเอกนิติถือครองทรัพย์สินมูลค่า 128,411,845 บาท ส่วนนางร้อยแก้วมีทรัพย์สินในชื่อตนเองจำนวน 31,379,761 บาท
เมื่อเจาะลึกไปในรายละเอียดทรัพย์สินของขุนคลังรายนี้ พบว่าสัดส่วนใหญ่ที่สุดอยู่ที่เงินลงทุนซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 82,262,214 บาท รองลงมาเป็นเงินฝากจำนวน 17,946,039 บาท นอกจากนี้ยังมีการถือครองที่ดิน 3 แปลงในเขตกรุงเทพมหานครมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท พร้อมด้วยโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอีก 2 หลังมูลค่าราว 7,580,496 บาท ส่วนยานพาหนะมีรถยนต์ 2 คันมูลค่ารวม 2,200,000 บาท และทรัพย์สินอื่นจำพวกนาฬิกาหรู 3 เรือน มูลค่า 1,750,000 บาท ล้านบาท โดยมีภาระหนี้สินกับธนาคารประมาณ 2,003,119 บาท
ทางด้านคู่สมรส นางร้อยแก้ว นิติทัณฑ์ประภาศ มีรายการทรัพย์สินที่น่าสนใจประกอบด้วยเงินลงทุน 11,956,781 บาท และที่ดิน 2 แปลงในกรุงเทพฯ มูลค่า 6.69 ล้านบาท พร้อมบ้านพักอาศัย 1 หลังมูลค่า 7.3 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเงินฝากกว่า 2.5 ล้านบาท รถยนต์ 2 คันมูลค่า 1.3 ล้านบาท และทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ เช่น นาฬิกา แหวน และสร้อยคอ มูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านบาท โดยที่ฝ่ายภรรยาไม่มีภาระหนี้สินแต่อย่างใด

ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่โครงสร้างรายได้ของนายเอกนิติ ซึ่งแจ้งต่อ ป.ป.ช. ว่ามีรายได้ต่อปีสูงถึง 26,938,325 บาท โดยรายได้ก้อนโตไม่ได้มาจากเงินเดือนข้าราชการที่มีเพียง 1,677,872 บาท
แต่กลับมาจากค่าตอบแทนในฐานะกรรมการองค์กรต่าง ๆ ที่สูงถึง 10.8 ล้านบาท และรายได้จากการขายหลักทรัพย์หรือกองทุนอีก 12 ล้านบาท เสริมด้วยดอกเบี้ยและเงินปันผลอีกจำนวนหนึ่ง ในขณะที่มีรายจ่ายต่อปีอยู่ที่ 12.9 ล้านบาท ส่วนนางร้อยแก้วมีรายได้ต่อปีราว 8 ล้านบาท ซึ่งมาจากการทำงานในองค์กรระหว่างประเทศและการขายกองทุน
หากนำข้อมูลชุดนี้ไปเปรียบเทียบกับบัญชีทรัพย์สินที่เคยยื่นไว้เมื่อปี 2564 จะเห็นพัฒนาการความมั่งคั่งที่ชัดเจน โดยในระยะเวลา 3 ปี ทรัพย์สินรวมของครอบครัวนิติทัณฑ์ประภาศเพิ่มขึ้นถึง 44 ล้านบาท
จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 115 ล้านบาท การเติบโตส่วนใหญ่มาจากพอร์ตการลงทุนของนายเอกนิติที่งอกเงยขึ้นกว่า 30 ล้านบาท รวมถึงการได้มาซึ่งที่ดินแปลงใหม่ในจังหวัดกาญจนบุรีและนาฬิกาอีกหนึ่งเรือน ในขณะที่ฝั่งภรรยาก็มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านบาทจากการลงทุนในกองทุนและตราสารการเงินใหม่ ๆ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศาลรัฐธรรมนูญ ตีตกคำร้อง MOA “อนุทิน-เท้ง” ไม่ล้มล้างการปกครอง
- “อนุทิน” รับเซ็นขออภัยโทษ “ทักษิณ” ตามความเห็นเดิมของ “ทวี”
ข้อมูลอ้างอิง
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





