เกาหลีใต้เอาจริง! เปิดระบบลงประวัติ นักเรียนบูลลี่ 9 ระดับ ตัดสิทธิ์เข้ามหาวิทยาลัย

เกาหลีใต้ ปฏิเสธรับนักเรียนกว่า 45 คน เข้าเรียนเพราะมีประวัติใช้ความรุนแรง เผยระบบแบ่งความรุนแรง 9 ระดับ โดยระดับ 6 ขึ้นไปจึงถูกบันทึกประวัติถาวรข้อมูลจาก
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 พ.ย. 68 เพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ได้แชร์ข้อมูลจาก เพจ ตามติดชีวิตแม่บ้านแขก ที่ให้ข้อมูลว่า มหาวิทยาลัยในประเทศเกาหลีใต้กำลังใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น โดยมหาวิทยาลัยในเครือรัฐกว่า 10 แห่ง ได้ปฏิเสธรับนักเรียนเข้าเรียนกว่า 45 คน เนื่องจากมีประวัติการใช้ความรุนแรงในโรงเรียน ซึ่งคาดว่าภายในปี 2026 ทุกมหาวิทยาลัยจะใช้การตรวจสอบประวัติความรุนแรงเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้น เพื่อรับมือกับวิกฤตความรุนแรงในโรงเรียน ประเทศเกาหลีใต้ได้นำระบบที่เด็ดขาดมาใช้ โดยมีการแบ่งระดับความรุนแรงออกเป็น 9 ระดับ (เลเวล 1-9) เพื่อกำหนดแนวทางการจัดการและบทลงโทษที่ชัดเจน
สำหรับความรุนแรงใน ระดับ 1-5 จะถูกจัดการภายใน โดยเน้นการไกล่เกลี่ย เช่น การเขียนจดหมายขอโทษ และการพูดคุยทำความเข้าใจระหว่างโรงเรียนและผู้ปกครอง
แต่หากเป็นความรุนแรงตั้งแต่ระดับ 6 ขึ้นไป จะถือเป็นสถานการณ์ที่รุนแรง และจะมีการ ลงประวัติ ของนักเรียนผู้ก่อเหตุอย่างเป็นทางการ
ประวัติที่ถูกบันทึกไว้นี้ จะส่งผลโดยตรงต่ออนาคตของนักเรียน โดยเฉพาะการใช้พิจารณารับเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งมาตรการนี้ได้ถูกบังคับใช้จริงแล้ว ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) ปฏิเสธการรับนักเรียนที่มีประวัติ 2 คน และมหาวิทยาลัยคยองบุกในเมืองแดกู ปฏิเสธถึง 22 คน
การใช้มาตรการที่เข้มงวดนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่เกาหลีใต้กำลังเผชิญวิกฤตความรุนแรงในโรงเรียนที่รุนแรงสูงสุดในรอบ 12 ปี โดยพบว่าการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น ทั้งการใช้คำพูดรุนแรง การทำ “ดีปเฟก” (Deepfake) ไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย
ข้อมูลยังสะท้อนปัญหาที่น่ากังวลว่า มากกว่า 30.7% ของผู้เห็นเหตุการณ์เลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย และ 7.8% ของเหยื่อไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวว่าปัญหาจะเลวร้ายกว่าเดิม หรือมองว่าบอกไปก็ไร้ประโยชน์ ผู้ให้ข้อมูลแสดงความเห็นว่า การบูลลี่ไม่ใช่เรื่องขำขัน และอยากให้กฎหมายการบูลลี่ในโรงเรียนมีความจริงจังและรุนแรงในทุกประเทศ

เกาหลีใต้วิกฤตหนัก เด็กประถมตกเป็นเหยื่อความรุนแรง พุ่งสูงสุดรอบ 12 ปี
เกาหลีใต้กำลังเผชิญปัญหาสัดส่วนนักเรียนที่รายงานว่าตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในโรงเรียน เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุด นับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มติดตามปัญหาในปี 2556 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเรียนชั้นประถมศึกษากำลังได้รับผลกระทบหนักที่สุด
กระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้ เผยผลสำรวจความรุนแรงในโรงเรียนช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เมื่อวันที่ 16 กันยายน พบว่า นักเรียน 2.5% ระบุว่าเคยประสบกับความรุนแรงในภาคเรียนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 2.1% เมื่อปีก่อน ตัวเลขนี้ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กระทรวงฯ เริ่มสำรวจทั่วประเทศเมื่อ 12 ปีที่แล้ว
เมื่อจำแนกตามระดับชั้น นักเรียนชั้นประถมศึกษารายงานอัตราการตกเป็นเหยื่อสูงสุดที่ 5% ตามมาด้วยนักเรียนมัธยมต้น 2.1% และนักเรียนมัธยมปลาย 0.7%
การสำรวจนี้จัดทำทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน ถึง 13 พฤษภาคม ครอบคลุมนักเรียน 3.97 ล้านคน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมปลาย โดยมีอัตราการเข้าร่วม 82.2%
การด่าทอหรือใช้ถ้อยคำรุนแรง ยังคงเป็นรูปแบบความรุนแรงที่พบบ่อยที่สุด (39%) แม้ว่าสัดส่วนจะลดลงเล็กน้อยจากปีที่แล้ว ตามมาด้วยการกลั่นแกล้งในกลุ่ม (16.4%) การทำร้ายร่างกาย (14.6%) และการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ (7.8%)
แม้ว่าความรุนแรงทางวาจาและร่างกายจะลดลง แต่การกลั่นแกล้งในกลุ่มและการบูลลี่ทางไซเบอร์กลับเพิ่มขึ้น ความขัดแย้งในปัจจุบันจึงขยายวงออกไปนอกห้องเรียนและมีความซับซ้อนมากขึ้น
รายงานความรุนแรงทางเพศก็แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ผู้ตอบแบบสอบถาม 6% ระบุว่าเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศที่โรงเรียน
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับสถิติอาชญากรรม โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ตำรวจจับกุมวัยรุ่น 422 คน ในคดีอาชญากรรมทางเพศแบบ “Deepfake” (การตัดต่อภาพหรือวิดีโอปลอม) ซึ่งคิดเป็นเกือบ 60% ของการจับกุมทั้งหมดในคดีประเภทนี้

ข้อมูลของตำรวจยังพบว่า การแอบถ่ายอย่างผิดกฎหมายในสถานศึกษาเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า จาก 110 คดีในปี 2563 เป็น 204 คดีในปี 2566
สัดส่วนของนักเรียนที่ระบุว่าเคย “เห็นเหตุการณ์” ความรุนแรง ก็เพิ่มขึ้นเป็น 6.1% จาก 5.0% ในปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ผู้เห็นเหตุการณ์ 30.7% ระบุว่าพวกเขา “ไม่ได้ทำอะไรเลย” และเหยื่อ 7.8% “ไม่ได้บอกใคร” โดยให้เหตุผลว่า กลัวว่า “ปัญหาจะบานปลาย” หรือการรายงานไปก็ไร้ประโยชน์
แม้ว่าตัวเลขการรายงานตนเองของเหยื่อจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ข้อมูลการยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการกลับแสดงภาพที่แตกต่างออกไป
ในปี 2567 โรงเรียนต่าง ๆ บันทึกรายงานความรุนแรงอย่างเป็นทางการ 58,502 เรื่อง ลดลงจาก 61,445 เรื่องในปี 2566 โดยโรงเรียนมัธยมต้นมีสัดส่วนการยื่นเรื่องร้องเรียนประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ตามมาด้วยโรงเรียนประถมและมัธยมปลาย
เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า แม้ว่าโรงเรียนประถมจะมีการรายงานตนเองในแบบสำรวจเพิ่มขึ้นสูงสุด แต่การยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการในโรงเรียนประถมกลับยังคงต่ำกว่า และยังลดลงในปีนี้
เจ้าหน้าที่อธิบายว่า ปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเพิ่มขึ้นของไซเบอร์บูลลี่ (ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากในคราวเดียว) และความอ่อนไหวที่เพิ่มขึ้นของผู้ปกครอง อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขในแบบสำรวจสูงขึ้น
กระทรวงฯ ระบุว่า จะใช้ผลสำรวจนี้เป็นแนวทางในมาตรการป้องกัน ซึ่งรวมถึง “ระบบพิจารณาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์” ที่วางแผนไว้ ระบบนี้จะอนุญาตให้ทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไกล่เกลี่ยคดีเล็กน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2
อี แฮซุก ผู้อำนวยการแผนกนโยบายสุขภาพนักเรียนของกระทรวงฯ กล่าวว่า “การฟื้นฟูความไว้วางใจในชุมชนโรงเรียน และการสร้างความอยู่ดีมีสุขทางสังคมและอารมณ์ของนักเรียนขึ้นใหม่ ถือเป็นภารกิจเร่งด่วน เราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานรัฐอื่น ๆ เพื่อสร้างระบบที่สามารถตอบสนองต่อรูปแบบที่ซับซ้อนของไซเบอร์บูลลี่และความรุนแรงทางเพศที่เพิ่มขึ้น”
ข้อมูลจาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





