ข่าว

รู้จัก ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร มรดกแห่งพระราชปณิธาน ลมหายใจแห่งศิลปะแผ่นดิน ของ สมเด็จพระพันปีหลวง

รู้จัก ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร มรดกแห่งพระราชปณิธาน ลมหายใจแห่งศิลปะแผ่นดิน ของ สมเด็จพระราชนนีพันปีหลวง

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร มิได้เป็นเพียงสถาบันฝึกอบรม แต่คือปรัชญาแห่งชีวิต คือศูนย์รวมแห่งพระมหากรุณาธิคุณ การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน รูปธรรมของพระราชดำรัสในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระราชวินิจฉัยอันลึกซึ้งว่า “ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า คนไทยมีสายเลือดของช่างฝีมืออยู่ทุกคน”

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรจึงถือกำเนิดขึ้นภายใต้ภารกิจคู่ขนานที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือการเป็นเส้นเลือดหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตครอบครัวในชนบท โดยเฉพาะเกษตรกรที่ต้องการรายได้เสริม ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งในการปกป้องมรดกทางศิลปะของชาติที่ล้ำค่า เปรียบเสมือนเบ้าหลอมที่ซึ่งพรสวรรค์อันบริสุทธิ์ของชาวบ้านถูกหล่อหลอมจนกลายเป็นทักษะชั้นครู เป็นที่ซึ่งอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติได้รับการสืบทอดผ่านผลงานศิลปะอันงดงาม

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร สมเด็จพระพันปีหลวง

จุดกำเนิดแห่งพระราชดำริ พระวิสัยทัศน์เพื่อปวงประชาและงานศิลป์

จุดเริ่มต้นของโครงการ “ศิลปาชีพ” ทั้งมวล ล้วนสืบเนื่องมาจากการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรทั่วทุกภูมิภาคของประเทศเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร การเสด็จฯ ไปในพื้นที่ห่างไกลทำให้ทรงทอดพระเนตรเห็นถึงความทุกข์ยาก สภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริงของพสกนิกร ปัญหาความยากจนของเกษตรกร ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศและต้องพึ่งพารายได้ตามฤดูกาลเพาะปลูกที่ไม่แน่นอน

ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเชื่อมโยง 2 ปัญหาที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน นั่นคือความยากจนในชนบทและการเสื่อมถอยของงานหัตถกรรมพื้นบ้าน พระองค์ทรงเล็งเห็นว่างานศิลปหัตถกรรมอันประณีตงดงามที่ชาวบ้านสร้างสรรค์ขึ้นนั้น ไม่ได้เป็นเพียงมรดกทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นสินทรัพย์ทางเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูง พระราชวิสัยทัศน์นี้ได้พลิกโฉมงานศิลปะพื้นบ้านจากการเป็นเพียงกิจกรรมยามว่างในครัวเรือนให้กลายเป็น “อาชีพเสริม” ที่สร้างรายได้และความมั่นคงให้แก่ครอบครัวเกษตรกรได้อย่างแท้จริง

การดำเนินงานในระยะแรกเริ่มสะท้อนถึงพระราชวิริยอุตสาหะและความใส่พระทัยอย่างใกล้ชิด มีการส่งครูผู้เชี่ยวชาญเข้าไปฝึกอบรมชาวบ้านในท้องถิ่นต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน ทรงใช้ “พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์” รับซื้อผลงานของชาวบ้าน เพื่อสร้างตลาดเริ่มต้นและเป็นหลักประกันด้านรายได้

พระองค์ทรงนำผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพมาใช้สอยเป็นการส่วนพระองค์ เป็นการประชาสัมพันธ์ที่ทรงพลังที่สุด ช่วยยกระดับคุณค่าและสร้างความนิยมในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในเวลาอันรวดเร็ว

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร สมเด็จพระพันปีหลวง

พระราชดำริดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงการสงเคราะห์ชั่วคราว แต่เป็นต้นแบบของโมเดลการพัฒนาที่ยั่งยืนและก้าวหน้าอย่างยิ่ง โดยเป็นการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่สมบูรณ์ เริ่มจากการระบุปัญหา ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจของเกษตรกร ค้นพบสินทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ ทักษะฝีมือและมรดกทางวัฒนธรรม และสร้างห่วงโซ่แห่งคุณค่าที่ครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาทักษะฝีมือ การฝึกอบรม การยกระดับผลิตภัณฑ์ พัฒนาคุณภาพ การสร้างหลักประกันด้านการตลาด ไปจนถึงการส่งเสริมการขาย ระชาสัมพันธ์ผ่านการใช้สอยส่วนพระองค์ โมเดลนี้ช่วยสร้างพลังให้แก่ชาวบ้านด้วยทักษะและรายได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็นำไปสู่การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นบ่อเกิดแห่งอาชีพของพวกเขาเอง

เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและขยายผลได้ในวงกว้าง จึงได้มีการจัดตั้ง มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ตามมาด้วยการจัดตั้ง “โรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดา” ในปี พ.ศ. 2522 ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมอย่างเป็นทางการแห่งแรก และเป็นต้นแบบสำคัญในการพัฒนาสู่โครงการศูนย์ศิลปาชีพบางไทรที่มีขนาดใหญ่ครบวงจรยิ่งขึ้น

ศูนย์กลางแห่งศิลปะ การก่อตั้งศูนย์ศิลปาชีพบางไทร

เมื่อโครงการศิลปาชีพประสบความสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ ความต้องการในการขยายงานเพื่อรองรับการฝึกอบรมช่างฝีมือจากทั่วประเทศจึงเพิ่มขึ้น ในวโรกาสวันฉัตรมงคล ปี พ.ศ. 2523 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้มีพระราชดำริที่จะจัดสร้างศูนย์ศิลปาชีพแห่งใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับพระราชวังบางปะอิน ทรงมอบหมายให้นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรีในขณะนั้น เป็นผู้ดำเนินการสรรหาที่ดินที่เหมาะสม

ที่ดิน 2 แปลงได้รับการพิจารณา คือที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก และที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรที่ดินแปลงที่อำเภอบางไทรด้วยพระองค์เอง และทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยให้สร้างศูนย์ศิลปาชีพ ณ ที่แห่งนี้

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร สมเด็จพระพันปีหลวง

ที่ดินผืนนี้มีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์อย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นที่ดินในเขตทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ประมาณ 750 ไร่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานให้รัฐบาล โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) นำไปจัดสรรให้แก่เกษตรกรผู้ยากไร้ ต่อมารัฐบาลได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินแปลงนี้แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2523 การเลือกที่ดินซึ่งแต่เดิมมีวัตถุประสงค์เพื่อการปฏิรูปที่ดินสำหรับเกษตรกร มาเป็นที่ตั้งของศูนย์ฯ ถือเป็นการตอกย้ำภารกิจหลักของโครงการศิลปาชีพที่มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง เป็นการเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งระหว่าง “ผืนดินแห่งเกษตรกรรม” กับ “อาชีพเสริมที่นอกเหนือภาคการเกษตร” สะท้อนถึงพระราชวิสัยทัศน์ในการพัฒนาชนบทแบบองค์รวม

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2527 ภายใต้ความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน โดยมี ส.ป.ก. เป็นผู้รับผิดชอบดูแลสถานที่และการฝึกอบรม และหน่วยงานทหารช่วยดูแลด้านความเรียบร้อยและการประสานงาน

เบ้าหลอมแห่งงานช่างศิลป์ไทยส รรพวิชาแห่งมรดกไทย

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรเป็นที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านศิลปหัตถกรรมไทยไว้อย่างครบวงจร ประกอบด้วยแผนกช่างต่างๆ มากกว่า 30 แผนก ครอบคลุมงานศิลปะหลากหลายแขนง สามารถแบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้:

  • งานผ้าและเส้นใย แผนกช่างทอผ้าไหม, ทอผ้าลายตีนจก, ปักผ้า, สานย่านลิเภา, จักสานไม้ไผ่ลายขิด และสานผักตบชวา
  • งานไม้และเครื่องเรือน แผนกช่างเครื่องเรือนไม้, เครื่องเรือนหวาย, แกะสลักไม้ และสร้างบ้านทรงไทย
  • งานปั้น โลหะ และแก้ว แผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผา, ช่างโลหะ และช่างเป่าแก้ว
  • งานวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ แผนกช่างประดิษฐ์หัวโขน, เขียนภาพลายไทย, ประติมากรรม, เครื่องหนัง, ปั้นตุ๊กตาชาววัง และทำดอกไม้ประดิษฐ์
  • แผนกช่างเฉพาะทางอื่นๆ เช่น แผนกโภชนาการ และแผนกช่างเครื่องยนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของหลักสูตรการฝึกอาชีพ

เส้นทางแห่งช่างฝีมือ ต้นแบบแห่งการให้โอกาส

หลักสูตรการฝึกอบรมของศูนย์ศิลปาชีพบางไทรถูกออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้กว้างที่สุด มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเกษตรกร บุตรหลานเกษตรกร ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ คุณสมบัติของผู้สมัครเน้นการเข้าถึงได้ง่าย กำหนดช่วงอายุระหว่าง 16-50 ปี ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา ผู้ที่สนใจสามารถยื่นใบสมัครผ่านสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) หรือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดในภูมิลำเนาของตน

การฝึกอบรมจะจัดเป็นรุ่น ระยะเวลาหลักสูตรส่วนใหญ่คือ 6 เดือน โดยเปิดรับปีละ 2 รุ่น แม้ว่าบางหลักสูตรขั้นสูงอาจใช้เวลานานกว่านั้น สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ การฝึกอบรมทั้งหมด ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการขจัดอุปสรรคทางการเงินและเปิดประตูแห่งโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการทักษะอาชีพอย่างแท้จริง

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร สมเด็จพระพันปีหลวง

ผลงานชิ้นเอก มรดกสู่สังคม

ผลผลิตจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทรไม่ได้เป็นเพียงผลงานของนักเรียนฝึกหัด แต่เป็นงานศิลปะชั้นครูที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและได้รับรางวัลมากมายทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผาที่ประสบความสำเร็จในการประกวดระดับชาติอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดได้รับเชิญให้จัดแสดงผลงานในฐานะปรมาจารย์แทนการส่งเข้าประกวด ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงมาตรฐานการสอนระดับโลก

ผลงานชิ้นเอกที่เป็นที่รู้จักและเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์ฯ มีอาทิ

  • ประติมากรรมซีเมนต์ “ตามรอยพระราชา” โดยอาจารย์กิตติชัย สุขสุเมฆ ซึ่งผสมผสานสัญลักษณ์ของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ ไว้ในผลงาน
  • ประติมากรรมโลหะ “รู้รักสามัคคี” โดยอาจารย์พนม เสมาทอง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชดำรัส
  • พระโพธิสัตว์กวนอิมพันพระหัตถ์ ซึ่งแกะสลักจากไม้จันทน์ เป็นของขวัญจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ได้รับพระราชทานให้นำมาประดิษฐานไว้ ณ ศูนย์ฯ

นอกจากนี้ ยังมีงานหัตถศิลป์อันเลื่องชื่ออีกมากมาย เช่น งานถมเงินถมทอง งานคร่ำ งานตกแต่งด้วย ปีกแมลงทับ และผ้าทออันวิจิตรอย่าง ผ้าซิ่นตีนจก ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกส่งไปจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ร้านจิตรลดา เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนกลับสู่ช่างฝีมือและโครงการต่อไป

ความสำเร็จของศูนย์ศิลปาชีพบางไทรภายใต้พระบรมราชินูปถัมภ์ ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าการฝึกอบรมช่างฝีมือ แต่เป็นเสมือนตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิด “การฟื้นฟูศิลปหัตถกรรมแห่งชาติ” (National Craft Renaissance) พระบารมีและคุณภาพอันเป็นเลิศของผลงานจากโครงการศิลปาชีพได้ยกระดับสถานะของงานหัตถกรรมในสายตาของสาธารณชน จากที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงของพื้นบ้านให้กลายเป็นสมบัติของชาติอันทรงคุณค่า สิ่งนี้ได้สร้างความสนใจและความต้องการในตลาดสำหรับงานฝีมือคุณภาพสูงโดยรวม และเป็นรากฐานสำคัญให้เกิดการจัดตั้งองค์กรต่อยอด เช่น สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACICT เพื่อส่งเสริมงานศิลปาชีพของไทยสู่สากล ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรจึงไม่เพียงแค่สร้างช่างฝีมือ แต่ได้ร่วมสร้างทัศนคติใหม่ที่เห็นคุณค่าในงานศิลปหัตถกรรมไทย และเปลี่ยนมรดกที่เคยเงียบเหงาให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เปี่ยมด้วยพลังของประเทศ

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร สมเด็จพระพันปีหลวง

มรดกสถิต ณ หัวใจไทย

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรคืออนุสรณ์แห่งพระราชวิสัยทัศน์อันกว้างไกล เป็นสถานพำนักของมรดกแห่งชาติ เป็นกลไกอันทรงพลังในการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจ และเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณทางศิลปะที่ฝังลึกอยู่ในสายเลือดของคนไทยทุกคน จากจุดเริ่มต้นแห่งพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงต้องการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ราษฎร ได้เติบโตเป็นสถาบันที่ถักทอสายใยแห่งชีวิตและวัฒนธรรมให้แก่แผ่นดิน

สายธารแห่งงานช่างศิลป์ไทยที่เคยเสี่ยงจะขาดช่วง ได้รับการฟื้นฟูและถักทอขึ้นใหม่จนกลายเป็นผืนผ้าแห่งมรดกที่งดงามและแข็งแกร่ง ณ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรแห่งนี้ ศูนย์ฯ ได้ทำหน้าที่สืบสานให้สายธารนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ขาดหายไป แต่จะยิ่งไหลรินอย่างแข็งแรงและมั่นคง ส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง เพื่อธำรงไว้ซึ่งจิตวิญญาณทางศิลปะของชาติให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยสืบไป

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button