ภาวะดื้ออินซูลิน ภัยเงียบก่อนเป็น เบาหวาน รู้ทัน ป้องกันได้

ภาวะดื้ออินซูลินคือภาวะที่เซลล์ในร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อผลิตอินซูลินในปริมาณที่สูงขึ้นชดเชย แม้ในระยะแรกอาจไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานอาจนำไปสู่ภาวะก่อนเบาหวานและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ในที่สุด
ทำความเข้าใจภาวะดื้ออินซูลิน
เพื่อให้เข้าใจภาวะดื้ออินซูลินได้ง่ายขึ้น เปรียบเทียบง่ายๆ อินซูลินคือกุญแจ เซลล์ในร่างกาย เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ไขมัน และเซลล์ตับ คือ ประตู ส่วน น้ำตาลกลูโคส ที่เราได้รับจากการทานอาหารคือคนที่รอจะเข้าประตู
ในภาวะปกติ เมื่อเรารับประทานอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ร่างกายจะย่อยและดูดซึมจนได้เป็นน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือด ตับอ่อนจะหลั่งอินซูลิน (กุญแจ) ออกมา อินซูลินจะไปจับกับตัวรับที่ผิวเซลล์ (แม่กุญแจ) เพื่อเปิดประตูให้กลูโคสเข้าไปในเซลล์ และถูกใช้เป็นพลังงานต่อไป ทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงสู่ระดับปกติ
แต่ในภาวะดื้ออินซูลิน ประตูของเซลล์เกิดอาการฝืด หรือตัวรับที่ผิวเซลล์ไม่ตอบสนองต่อกุญแจอินซูลินเท่าที่ควร ทำให้กุญแจไขเข้าได้ยากขึ้น น้ำตาลกลูโคสจึงไม่สามารถเข้าเซลล์ได้สะดวก ส่งผลให้มีน้ำตาลตกค้างในกระแสเลือดสูง
เมื่อสมองรับรู้ว่าน้ำตาลในเลือดยังสูงอยู่ จะสั่งให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อพยายามเปิดประตูเซลล์ให้ได้ สถานการณ์นี้ทำให้ร่างกายมีระดับอินซูลินในเลือดสูงกว่าปกติ หากตับอ่อนต้องทำงานหนักเป็นเวลานานต่อเนื่อง สุดท้ายก็จะเริ่มอ่อนล้าและผลิตอินซูลินได้น้อยลง เมื่อถึงจุดนั้น ร่างกายจะไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกต่อไปและนำไปสู่การเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
สาเหตุหลักของภาวะดื้ออินซูลิน
1. ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน
ยิ่งคนมีไขมันสะสมในช่องท้อง (Visceral Fat) มากเกินไป เซลล์ไขมันเหล่านี้สามารถผลิตสารที่รบกวนการทำงานของอินซูลินได้
2. กินอาหารไม่เหมาะสม
การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูง คาร์โบไฮเดรตขัดสี ไขมันอิ่มตัวในปริมาณมากเป็นประจำ จะกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินออกมามากและบ่อยครั้ง จนเซลล์เริ่มชินชาและตอบสนองน้อยลง
อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง พวกเนื้อแดงส่วนติดมัน เนื้อหมู วัว หนังสัตว์ปีก เช่น หนังไก่ หนังเป็ด เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน หมูยอ ผลิตภัณฑ์จากนม พวก เนย ครีม นมชนิดไม่พร่องมันเนย รวมถึง น้ำมันจากพืชบางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว กะทิ น้ำมันปาล์ม
ร้ายสุดแต่คนสมัยนี้ชอบกินมาก ขนมอบและอาหารแปรรูป เค้ก คุกกี้ พาย ครัวซองต์ โดนัท ซึ่งมักมีส่วนผสมของเนย มาการีน หรือน้ำมันปาล์ม อาหารทอดและฟาสต์ฟู้ด เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์
มาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) แนะนำว่าปริมาณไขมันอิ่มตัวไม่ควรเกิน 5-6% ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน
3. ไม่ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายช่วยให้เซลล์กล้ามเนื้อมีความไวต่ออินซูลินมากขึ้นและดึงน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ดีขึ้น การไม่เคลื่อนไหวร่างกายจึงส่งผลตรงกันข้าม
4. เครียดเรื้อรัง
ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและลดความไวของเซลล์ต่ออินซูลิน
5. พักผ่อนไม่เพียงพอ
คนเราเมื่ออดนอนหรือนอนไม่มีคุณภาพส่งผลต่อสมดุลของฮอร์โมนหลายชนิด รวมถึงฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลและความอยากอาหาร
6. พันธุกรรม
หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะดื้ออินซูลินได้สูงกว่าคนทั่วไป
วิธีปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันภาวะดื้ออินซูลิน
1. ควบคุมอาหาร
ลดคาร์โบไฮเดรตขัดสี หลีกเลี่ยงข้าวขาว ขนมปังขาว เส้นก๋วยเตี๋ยว เบเกอรี่ ขนมหวานต่างๆ ที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว หันมากินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ธัญพืชไม่ขัดสี เผือก มัน และฟักทอง ซึ่งมีใยอาหารสูง ทำให้น้ำตาลถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดช้าๆ
เพิ่มโปรตีนและไขมันดี เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ไข่ เต้าหู้ ถั่วต่างๆ เลือกใช้ไขมันดีจากน้ำมันมะกอก อะโวคาโด และปลาทะเลน้ำลึก เพิ่มปริมาณผักใบเขียวในทุกมื้ออาหาร เลือกกินผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย เช่น ฝรั่ง แก้วมังกร แอปเปิลเขียว
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มรสหวาน น้ำอัดลม ชานมไข่มุก กาแฟเย็น น้ำผลไม้กล่อง เป็นแหล่งน้ำตาลแฝงที่ควรจำกัด
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ตั้งเป้าหมาย ออกกำลังกายแบบแอโรบิก ความหนักปานกลาง เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์
เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฝึกเวทเทรนนิ่ง 2-3 วันต่อสัปดาห์ จะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ส่วนสำคัญในการดึงน้ำตาลไปใช้ ทำให้เซลล์ไวต่ออินซูลินมากขึ้น
3. จัดการวิถีชีวิต
ลดน้ำหนักตัวลง 5-10% ของน้ำหนักเดิม ช่วยลดภาวะดื้ออินซูลินได้ พยายามนอนให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน การนอนที่มีคุณภาพช่วยให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล จัดการความเครียด หาวิธีผ่อนคลายที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น การนั่งสมาธิ ฟังเพลง ทำงานอดิเรก หรือพูดคุยกับคนใกล้ชิด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หนุ่มแค่วัย 19 ป่วยเบาหวาน หมอชี้ 4 ตัวการ ซ่อนอยู่ในอาหารที่คนกินทุกวัน
- นมข้นหวานละลายน้ำ แม่อ้างไม่มีเงิน เพจดังวอนอย่าเลี้ยงลูกวิธีนี้
- หนุ่มวัย 20 ชอบกินมาก “ขนมปังจิ้มนมข้มหวาน” ต้องฟอกไตตลอดชีวิต เมนูโปรดคนไทย
ติดตาม The Thaiger บน Google News: