ข่าว

ทะลัก วัดสวนขัน แห่กราบ “พระอุเชนทร์” พิสูจน์กับตายังอยู่ไหม! เจ้าอาวาสลั่นไม่ให้ใครแล้ว

ผลพวงดราม่าอาจารย์อินฟลูเอนเซอร์ดัง เชิญพระอุเชนทร์ไปประกอบพิธีกอดจูบ รายงานช่วงเข้าที่ผ่านมาคนแห่เข้า วัดสวนขัน นครศรีธรรมราช เป็นจำนวนมาก เหตุอยากมากราบพิสูจน์ความจริงว่ายังอยู่กับตา ไม่หายไปไหน ด้านเจ้าอาวาสโร่แจงชัดจากนี้ไปไม่ให้ใครแล้ว

จากประเด็นร้อนกรณีชาวบ้าน จ.นครศรีธรรมราช วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมของอาจารย์เชียง ปัณณวิชญ์ หรือ “เชียง พรมแดง” ได้เคลื่อนย้ายพระอุเชนทร์ วัตถุโบราณ อายุ 1,600 ปีออกจากวัดสวนขันไปประกอบพิธีที่บ้านพักตนเอง อีกทั้งยังปรากฎภาพกอด-จูบองค์พระเก่าแก่ สร้างความไม่สบายใจให้แก่ชาวภาคใต้จนไล่บี้เจ้าอาวาสวัดสวนขันออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าว

ล่าสุด พระครูกิตติวิมล เจ้าอาวาสวัดสวนขัน เผยถึงดราม่ากอดจูบลูบคลำ “พระอุเชนทร์” ว่า ภาพที่ปรากฏตามสื่อโซเชียลเป็นภาพเก่าเมื่อปี 2566 โดยคณะของอาจารย์เชียงซึ่งปกติก็เดินทางมาทำพิธีและกราบไหว้บูชาพระอุเชนทร์ที่วัดสวนขันหลายครั้ง กระทั่งได้แจ้งความประสงค์อยากนิมนต์พระอุเชนทร์ เพื่อไปทำพิธีบวงสรวงพระพิฆเนศครั้งใหญ่ที่บ้าน เป็นพิธีพิฆเนศจตุรศรี ซึ่งตัวของอาตมาเองยอมรับว่า ไม่เคยเห็นจึงเกิดความอยากไปร่วม

ต่อมามีการบอกกล่าวกับอาจารย์เชียง โดยระบุต้องขอไปยังสำนักงานศิลปากรที่ 12 เพราะได้มีการขึ้นเป็นวัตถุโบราณ ซึ่งทางคณะได้ทำหนังสือขอมายังสำนักศิลปากร ทางสำนักศิลปากรก็ไม่ได้ติดขัด โดยบอกว่าให้ทางวัดตัดสินใจทางวัดจึงบอกกับอาจารย์ว่า ทำได้ และขอให้เป็นแค่ครั้งเดียว

เจ้าอาวาสยืนกรานว่า ตนเองเดินทางไปพร้อมคณะ ตอนที่อัญเชิญพระอุเชนทร์ไปประกอบพิธีที่บ้านอาจารย์เชียง ซึ่งช่วงทำพิธีได้อยู่ห่างๆ แต่มีคนจำนวนมาก รอบล้อมพระอุเชนทร์ ส่วนอาตมาเองไม่ได้เห็นภาพที่มีการกอดจูบหรือ “โอบกอด” ตามที่เป็นภาพในปัจจุบันและเมื่อทำพิธีเสร็จจึงอัญเชิญกลับมายังวัดทันที

อ้างอิงข้อมูลจากไทยรัฐ ที่ผ่านมานอกจากคณะของ อ.เชียง พรมแดงแล้ว ปรากฏพบข้อมูลด้วยว่า ยังเคยมีคณะของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ เคยมาอัญเชิญพระอุเชนทร์ไปประกอบพิธีเช่นกัน แต่ตอนนั้นทางวัดได้ให้พระอุเชนทร์องค์จำลองไปไม่ได้ให้องค์จริง

อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นเรื่องของความศรัทธา แต่อาจจะไม่เหมาะสม โดยต่อไปทางวัดคงไม่อนุญาตให้มีการนำพระอุเชนทร์ออกจากวัดเพื่อไปทำพิธีอีกแล้ว ที่ผ่านมาคงจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

ขณะเดียวกันบรรยากาศที่วัดสวนขัน ต.สวนขัน อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ (10 ก.ย.) พบมีประชาชนเดินทางเข้ามากราบไหว้พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เกจิอาจารย์ชื่อดังและพระอุเชนทร์ไม่ขาดสาย

ทั้งนี้ที่กุฏิของพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ บนชั้นสอง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระอุเชนทร์ ปัจจุบันมีการเก็บรักษาไว้อย่างดี มีการครอบแก้ว ในห้องโดยมีการติดแอร์และรักษาความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีผู้ดูแลวัดนำประชาชนขึ้นมากราบไหว้พระอุเชนทร์

สอบถามชาวบ้านทราบว่า หลังจากที่เป็นข่าวออกไปก็อยากจะมาดูว่าพระอุเชนทร์ยังอยู่ที่วัดสวนขันตามปกติหรือไม่ และอยากจะมากราบไหว้บูชาเพื่อขอพร กระทั่งในที่สุดก็ได้เห็นความสง่างามและศักสิทธิ์นี้กับตาตัวเองจนคลายข้อสงสัยทั้งหมด

ชาวบ้านให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงสาเหตุต้องการมาพิสูจน์ พระอุเชนทร์ มากราบพระอุเชนทร์ ยังอยู่ที่วัดสวนขันหรือไม่
ภาพ @ไทยรัฐ
พระอุเชนทร์ ล่าสุด 10 กันยายน 2568
ภาพ @ไทยรัฐ

ประวัติและตำนาน “พระอุเชนทร์” เทพประจำตัวพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์

“พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์” คือ พระเกจิอาจารย์ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวใต้ เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งแดนใต้ที่ผู้คนนับถืออย่างกว้างขวาง และเมื่อเอ่ยถึงท่าน สิ่งที่ไม่อาจแยกออกได้คือเรื่องราวของ “พระอุเชนทร์” เทพเจ้าคู่บารมีของท่าน
พระอุเชนทร์ เป็นเทพเจ้าที่แกะสลักจากหินทรายแดง ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอฉวางและกรมช้างกลางในอดีต เนื่องจากนครศรีธรรมราชเป็นแหล่งจับช้างที่สำคัญเพื่อส่งไปถวายงานและค้าขายต่างประเทศ ทำให้พระอุเชนทร์มีความสำคัญมาตั้งแต่อดีต

เดิมที พระอุเชนทร์ ประดิษฐานอยู่ที่ถ้ำพรรณรา ก่อนจะย้ายมายังที่ว่าการอำเภอฉวางเก่า (วังอ้ายล้อน) ในปี พ.ศ. 2442 แต่เมื่อมีการย้ายที่ว่าการอำเภอไปแห่งใหม่ องค์พระได้ถูกทิ้งไว้ในป่ารกร้าง ผู้คนมักได้ยินเสียงโห่ร้องประหลาดดังมาจากบริเวณนั้นนานกว่าสิบปี ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเสียงของพระอุเชนทร์ และมักจะมาบนบานขอให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ และขอให้ช้างไม่มารบกวนด้วยการใช้เทียน 3 ง่าม

ตำนานเล่าว่า มีสองพ่อลูกชื่อนายด้วนและนายเงิน ทองบัว ที่บนบานต่อพระอุเชนทร์แล้วลืมแก้บน ทำให้นายด้วนมือติดกัน และเห็นเงาร่างไร้หัวถือกระบองขวางทางอยู่จนต้องกลับมาทำพิธีขอขมา ทุกอย่างจึงกลับเป็นปกติ

หนึ่งปีต่อมา ขณะที่ทั้งสองคนกำลังหาหวายในป่า จอบของพวกเขากระทบเข้ากับหิน พอพลิกดูจึงพบว่าเป็นรูปช้าง ซึ่งก็คือองค์ พระอุเชนทร์ ที่หายไปนั่นเอง ทั้งสองได้อัญเชิญพระอุเชนทร์ขึ้นพิงต้นไม้ และเกิดปาฏิหาริย์ฝนตกติดต่อกันถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน เมื่อนายเงินพลิกหน้าพระอุเชนทร์ลงดิน ฝนก็หยุดทันที แสดงถึงอิทธิฤทธิ์อันน่าอัศจรรย์

เรื่องราวปาฏิหาริย์ของพระอุเชนทร์ ที่จมอยู่ใต้น้ำวังอ้ายล้อนและส่งเสียงร้องคล้ายช้างในเวลากลางคืนไปถึงหู พ่อท่านคล้าย ท่านจึงบอกกับชาวบ้านว่า “นั่นคือเสียงพระอุเชนทร์”

ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2469 พ่อท่านคล้าย จึงนำชาวบ้านล่องเรือไปอัญเชิญพระอุเชนทร์ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก แต่เทียนที่ท่านจุดทำพิธีกลับไม่ดับ และเมื่ออัญเชิญองค์พระขึ้นมาได้แล้ว ฝนที่ตกหนักก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ โดยที่ฝนตกไล่ตามหลังเรือมาแต่ไม่สามารถตกถึงเรือได้เลย

เมื่อถึง วัดสวนขัน ชาวบ้านกว่า 200 คนได้จัดขบวนแห่พระอุเชนทร์ไปประดิษฐาน ณ กลางพระอุโบสถและจัดพิธีสมโภชอย่างยิ่งใหญ่ ปัจจุบัน พระอุเชนทร์ ยังคงประดิษฐานอยู่ที่กุฏิเก่าของ พ่อท่านคล้าย ณ วัดสวนขัน เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บารมีที่คอยประทานพรและความสำเร็จแก่ผู้ที่ไปกราบไหว้เสมอมา.

พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ ประวัิตพระอุเชนทร์ นครศรีธรรมราช
แฟ้มภาพ
พระอุเชนทร์ วัดสวนขันที่เป็นข่าวอินฟลูกอดหอบสิ่งศักสิทธิ์
แฟ้มภาพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button