ข่าวการเมือง

กางกฎหมาย “นายกรักษาการ” ยุบสภาได้หรือจริง? อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือใคร

วิเคราะห์ประเด็นสำคัญจากข่าว

ไขทุกปมการเมือง รัฐบาลรักษาการมีอำนาจยุบสภา ได้จริงหรือ? เปิดข้อกฎหมาย อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือใคร

ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ เข้าสู่สถานะ “รัฐบาลรักษาการ” มีนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ล่าสุดภายหลัง พรรคประชาชนมีมติร่วมโหวตยกให้ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม ก็ชิงโปรดเกล้าฯ ยุบสภา

การตัดสินใจใช้ไพ่ใบสุดท้าย ยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตัดโอกาสการจัดตั้งรัฐบาลของอีกฝ่าย คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจใหม่ผ่านการเลือกตั้ง คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นในสังคมทันทีคือ

รัฐบาลที่อยู่ในสถานะรักษาการ มีอำนาจยุบสภาได้จริงหรือ?

ความเห็นจากกูรูกฎหมายรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเปรียบเสมือนทนายความสูงสุดของรัฐบาล ได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจ ช่วยให้เกิดความกระจ่างมากขึ้น มองได้เป็น 2 มุมคือ

ตามหลักทฤษฎี (ตามตำรา) นายปกรณ์มองว่า ส่วนตัวแล้ว “ทำไม่ได้” เพราะอำนาจยุบสภาเป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความไว้วางใจจากสภาฯ ซึ่งรัฐบาลรักษาการไม่ได้อยู่ในสถานะนั้น

ในทางปฏิบัติ นายปกรณ์ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของดุลพินิจและความรับผิดชอบ ของรัฐบาลที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด ว่าสิ่งที่ “ทำได้” นั้น “ควรทำหรือไม่”

ไขความกระจ่าง “รัฐบาลรักษาการ” 2 รูปแบบที่อำนาจไม่เท่ากัน

หัวใจสำคัญที่สุดที่นายปกรณ์ได้ชี้ให้เห็น เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักสับสน คือ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ได้กำหนดสถานะของ คณะรัฐมนตรีรักษาการ ไว้ 2 รูปแบบ ซึ่งมีข้อจำกัดด้านอำนาจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

แบบที่ 1 ครม. รักษาการหลังยุบสภา หรือ สภาหมดวาระ

นี่คือรูปแบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย คือเมื่อมีการยุบสภาหรือสภาฯ อยู่ครบ 4 ปีแล้ว รัฐบาลจะต้องอยู่รักษาการเพื่อรอการเลือกตั้งใหม่

รัฐบาลรักษาการประเภทนี้จะมีอำนาจจำกัดมากตามที่ระบุไว้ใน รัฐธรรมนูญ มาตรา 169 เช่น ไม่สามารถอนุมัติโครงการใหญ่ๆ ที่ผูกพันรัฐบาลหน้า, ไม่สามารถโยกย้ายข้าราชการระดับสูง และการใช้งบประมาณบางอย่างต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน

แบบที่ 2: ครม. รักษาการเพราะนายกฯ พ้นตำแหน่งเฉพาะตัว

กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงด้วยเหตุผลเฉพาะตัว เช่น ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่ง ทำให้ ครม. ทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งตามไปด้วย

สถานะอำนาจ นายปกรณ์อธิบายอย่างชัดเจนว่า ครม. รักษาการในรูปแบบนี้ “ไม่ได้อยู่ภายใต้เงื่อนไข” ของมาตรา 169 ดังนั้นอำนาจยังเต็มเหมือนปกติ

สรุป ยุบสภา “ทำได้” แต่ “ควรหรือไม่” คืออีกเรื่อง

จากคำอธิบายของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และเมื่อพิจารณา รัฐธรรมนูญ มาตรา 103 ที่ให้อำนาจยุบสภาเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี สามารถสรุปได้ว่า:

ในทาง “กฎหมาย” รัฐบาลรักษาการชุดปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะสามารถทูลเกล้าฯ ถวายร่าง พรฎ. ยุบสภาได้ เพราะยังคงมีอำนาจเต็มและไม่ได้ถูกจำกัดโดยมาตรา 169

อย่างไรก็ตาม ในทาง “ความชอบธรรมทางการเมือง” การตัดสินใจยุบสภาของรัฐบาลที่เพิ่งสูญเสียการสนับสนุนจากเสียงข้างมากในสภาฯ ย่อมเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ ดังนั้น การตัดสินใจครั้งนี้จึงขึ้นอยู่กับ “ดุลพินิจ” ของผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรุณัฐมนตรี ที่จะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างอำนาจตามกฎหมาย กับความเหมาะสมทางการเมืองอย่างรอบคอบที่สุด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button