ข่าว

ทัวร์ลงญาติ อ้าง “น้องจ๊อบ” ม.5 ทำร้ายครูอีกมุมเด็กดี นร.โอลิมปิก-ขอสังคมอภัย ดร.หญิงชี้เหตุกดดัน

ญาติโผล่ป้องผ่านโซเชียล กรณีเด็กนักเรียนม.5 ตีเข่าเตะต่อยทำร้ายครูจนสาหัสซี่โครงอักเสบ ศีรษะช้ำบวม จู่อ้าง “น้องจ๊อบ” หลานชายเป็นเด็กดีดีกรีโอลิมปิก ขอสังคมให้อภัยจนดราม่าอีกระลอกสนั่น ด้าน ดร.หญิง ชี้ นักเรียน ม.5 ทำร้ายครู เหตุถูกกดดันหนัก

กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจาร์อย่างหนัก กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กออกมาอ้างตัวเองเป็นญาติของเด็กนักเรียนชายชั้นมัธชยมศึกษาปีที่ 5 รร.ในอุทัยธานี ซึ่งได้ก่อเหตุทำร้ายครูกลางห้องเรียนจนสาหัส ซี่โครงอักเสบ เหตุเพราะได้คะแนนสอบ 18 จากคะแนนเต็ม 20 โดยล่าสุดมีการเขียนข้อความทำนองขอความเห็นใจกับเด็กที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากอีกมุมหนึ่งญาติอ้างว่าน้องนิสัยดีแถมยังเรียนเก่งระดับเด็กโอลิมปิกวิชาการด้วย

“นายณัฐพงศ์ หรือน้องจ๊อบ เป็นหลานชายของผมเอง จากที่รู้จักมาน้องจ๊อบ น้องเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน ไม่เกเร ประวัติไม่เคยเสีย เป็นลูกดีเด่น 3 ปีซ้อน เคยประกวดการแข่งโอลิมปิค สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ แต่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนเราผิดพลาดกันได้ เพียงแต่ว่าผิดพลาด จะแก้ไขมันได้หรือเปล่า ขอวอนสังคมให้อภัยน้องจ๊อบ น้องรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริง ๆ”

ทั้งนี้ไม่มีการยืนยันว่า เฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นญาติของเด็กนักเรียนชาย ชั้น ม.5 จริงหรือไม่ แต่ในโพสต์ดังกล่าวยังมีคนมาแจ้งว่า ลุงของหลานนั้นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน “คุณอย่ามาแกล้งแอ๊บครับคุณXXX ผมเคยอ่านข่าวจากเพจทนายธาตรี คุณก็ไม่ธรรมดา เห็นบอกเคยไปตบรปภ.กับแม่บ้านเรื่องแค่ยืนพิงรถของคุณ เรื่องนั้นเคลียร์หรือยังครับ”

“ตอนแรกไม่รู้หน้าตาเป็นยังงัย เห็นโพสนี้ถึงรู้ ขอบคุณที่เปิดหน้าให้ประชาชนในได้ระมัดระวังตัวกับคนปนะเภทนี้” หนึ่งในคอมเมนต์จากหลายเสียงที่พากันรุมวิจารณ์ญาติของเด็กที่ออกมาชี้แจงในมุมของน้องม.5 แต่ก็เจอกระแสตีกลับอย่างหนัก

เด็กต่อยครู อุทัยธานี ญาติออกมาขอความเห็นใจเนื่องจากอีกมุมนิสัยดี
แฟ้มภาพ

เปิดมุม รมช.ศึกษา ชี้ต้นเหตุต้องฟังรอบด้าน ย้ำต้องไม่ลืมความกดดันของผู้เรียน

อย่างไรก็ดีในมุมของหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างกระทรวงศึกษาธิการก็ไม่รอช้า เมื่อล่าสุดฝั่งของ ดร.หญิง ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ โพสต์คลิปผ่านอินสตาแกรมระบุถึงกรณีนักเรียนชาย ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุทัยธานี ใช้ความรุนแรงต่อครูผู้สอน โดยย้ำว่าความรุนแรงต่อบุคลากรทางการศึกษาไม่ควรเกิดขึ้นในทุกกรณี พร้อมส่งความห่วงใยถึงครูผู้เสียหายและนักเรียนที่เกี่ยวข้อง

ดร.หญิงชี้ชัดว่าการแก้ปัญหาไม่ใช่การชี้โทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาสาเหตุเชิงลึก ไม่ว่าจะมาจากความเครียด ความกดดันจากผลสอบ หรือปัจจัยอื่น ๆ โดยเสนอให้เพิ่มนักจิตวิทยาประจำโรงเรียน เพื่อดูแลเยียวยาครูและฟื้นฟูสภาพจิตใจของนักเรียน และมองว่ากรณีนี้สะท้อนโจทย์สำคัญ 3 ประเด็น ได้แก่

1. ระบบการสอนและการประเมินผล โดยต้องทบทวนว่าการใช้มาตรฐานเดียวกันวัดผลเด็กทั้งหมดเหมาะสมหรือไม่ หากระบบสร้างแรงกดดันเกินไป

2. การดูแลสุขภาพจิตนักเรียนและครู ซึ่งสถิติจากกรมสุขภาพจิตพบว่า การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของวัยรุ่นไทย และอัตราภาวะซึมเศร้าในเยาวชนเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ขาดทักษะจัดการอารมณ์ ทั้งต่อผู้อื่นและต่อตนเอง ขณะเดียวกันครูก็บางครั้งมีความเครียดจนใช้ความรุนแรงต่อเด็ก

3. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ว่าการเผยแพร่คลิปหรือภาพเหตุการณ์อาจกระทบจิตใจครูและนักเรียน และเสี่ยงต่อการผลิตซ้ำความรุนแรง จึงต้องใช้ความรอบคอบ

ดร หญิง น้องจ็อบ

ดร.หญิง ย้ำว่าไม่มีเด็กคนใดต้องการใช้ความรุนแรงและการตัดสินจากภาพไม่กี่วินาทีอาจไม่สะท้อนข้อเท็จจริงทั้งหมด ทุกฝ่ายควรร่วมกันออกแบบระบบการเรียน การประเมินผล และการดูแลสุขภาพจิตให้ครอบคลุม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในโรงเรียน.

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx