พลิกแฟ้มคดี โทโมโกะ เหยื่อปาดคอ จ.สุโขทัย แกะรอย 17 ปี ใครคือฆาตกร

ย้อนรอยคดีฆาตกรรม โทโมโกะ คาวาชิตะ เหยื่อฆาตกรรมปาดคอ จังหวัดสุโขทัย กับ 17 ปีที่ยังจับคนร้ายไม่ได้ ล่าสุด DSI ประกาศรางวัล 2 ล้าน ตามหาพยานชาวฝรั่งเศสปากสำคัญ
- เรื่องราวของเหยื่อ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักแสดงละครเวทีชาวญี่ปุ่นที่รักและใฝ่ฝันจะมาเที่ยวเมืองไทยมาตลอด 6 ปี ก่อนเกิดเหตุเธอได้เขียนบล็อกชื่นชมว่า “คนไทยมีแต่คนดี ๆ” แต่สุดท้ายความฝันของเธอกลับต้องจบลงด้วยการถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในดินแดนที่เธอรัก
- ล่าสุด DSI ได้เปิดเผยเบาะแสใหม่ในการตามหาพยานปากสำคัญ คือ ชายชาวฝรั่งเศสและหญิงสาวผมบลอนด์ ที่คาดว่าอาจรู้เห็นเหตุการณ์ พร้อมตั้งเงินรางวัลนำจับสูงถึง 2 ล้านบาท สำหรับผู้ที่สามารถให้ข้อมูลจนนำไปสู่การจับกุมฆาตกรตัวจริงได้
- พ่อของเหยื่อและรัฐบาลญี่ปุ่นได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อ อายุความ 20 ปี ตามกฎหมายไทย ซึ่งกำลังจะหมดลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และอาจทำให้ฆาตกรลอยนวลไปตลอดกาล กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ทุกฝ่ายต้องเร่งคลี่คลายคดีนี้ให้ได้
ท่ามกลางความมืดมิดของคดีที่ยืดเยื้อมานานกว่า 17 ปี แสงสว่างแห่งความหวังได้ส่องประกายขึ้นอีกครั้ง เมื่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ประกาศเดิมพันครั้งใหญ่ด้วยเงินรางวัล 2 ล้านบาท เพื่อตามหาพยานปากสำคัญชาวฝรั่งเศสในคดีฆาตกรรม “โทโมโกะ” การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงปลุกคดีที่เกือบจะถูกลืมให้กลับมามีชีวิต แต่ยังกระตุ้นให้ทีมข่าวสืบสวน The Thaiger ต้องย้อนกลับไปพลิกแฟ้มคดีสะเทือนขวัญนี้อีกครั้ง เพื่อสำรวจทุกร่องรอยและตอบคำถามว่า เหตุใดฆาตกรจึงยังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืดได้นานถึงเพียงนี้
ย้อนรอย คดีฆาตกรรมปริศนา โทโมโกะ คาวาชิตะ
“คนไทยมีแต่คนดี ๆ !” (タイ人めっちゃいい人ばっかり!) คือหนึ่งในข้อความสุดท้ายที่ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักแสดงละครเวทีชาวญี่ปุ่น ได้บันทึกไว้ในบล็อกส่วนตัวระหว่างการท่องเที่ยวในประเทศไทย แต่โชคร้ายที่ความรู้สึกดี ๆ ของเธอต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรม เมื่อโทโมโกะถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในดินแดนที่เธอหลงรักและใฝ่ฝันถึง
เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) หลังจากที่โทโมโกะได้เข้าร่วมงานประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟในคืนก่อนหน้า (24 พ.ย. 50)
เช้าวันนั้น โทโมโกะ ได้เช่าจักรยานเพื่อปั่นชมความงดงามของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และได้เดินทางขึ้นไปสักการะพระอจนะที่วัดสะพานหิน แต่ระหว่างทางขึ้นเขานั้นเอง เธอก็ถูกคนร้ายซุ่มโจมตีและใช้มีดปาดคอจนเสียชีวิต คาดการณ์ว่าช่วงเวลาที่ก่อเหตุ อยู่ประมาณ 09.00 น. – 10.30 น
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในเวลานั้น พบว่าคนร้ายได้ขโมยกระเป๋าที่เธอห้อยคอ ซึ่งภายในมีหนังสือเดินทางและกล้องดิจิทัล แต่กลับทิ้งเงินสดจำนวน 2,877 บาท ไว้ไม่แตะต้อง ทำให้แรงจูงใจในการก่อเหตุยังคงเป็นปริศนาที่ซับซ้อน
สิ่งที่น่าสะเทือนใจที่สุดคือความรักที่เธอมีต่อประเทศไทย ก่อนเกิดเหตุเพียงไม่นาน โทโมโกะยังได้เขียนบรรยายความรู้สึกประทับใจผ่านบล็อกของเธอว่า ประเทศไทย “เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยม!!” (めっちゃいいとこ!!)
สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ นายยาซูอากิ คาวาชิตะ บิดาของเธอ ที่เล่าทั้งความเสียใจว่า ลูกสาวของเขาใฝ่ฝันที่จะมาเที่ยวเมืองไทยมาตลอด 6 ปี แต่สุดท้ายความฝันนั้นกลับกลายเป็นฝันร้ายที่พรากชีวิตของเธอไปตลอดกาล ทิ้งไว้เพียงคดีปริศนาที่ครอบครัวและสังคมยังคงรอคอยคำตอบมานานถึง 17 ปี

หลักฐานแรก “เนื้อเยื้อ” ในซอกเล็บ
ในช่วงแรก คดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย ซึ่งการทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง เนื่องจากคนร้ายแทบไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ ไว้ในที่เกิดเหตุเลย ยกเว้นเพียงเศษเนื้อเยื่อในซอกเล็บของโทโมโกะที่บ่งชี้ถึงการต่อสู้
จนกระทั่งในปี 2556 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับโอนคดีมาเป็นคดีพิเศษ และพยายามทุกวิถีทาง รวมถึงการประกาศรับซื้อกล้องดิจิทัลรุ่นเดียวกับของโทโมโกะที่หายไป แต่ก็ยังคงคว้าน้ำเหลว
ความหวังในการไขคดีถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งในปี 2562 ในยุคของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้สั่งการให้รื้อฟื้นคดีอย่างเต็มกำลัง มีการจำกัดวงค้นหาผู้ต้องสงสัยในรัศมี 200 เมตรจากจุดเกิดเหตุ และเก็บตัวอย่าง DNA ของประชาชนไปแล้วกว่า 400 คน แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นศูนย์
แม้กระทั่งเบาะแสสำคัญที่ว่ามีบุคคลในฟาร์มหมูเคยพูดถึงการใช้มีดแทงคน ก็กลายเป็นทางตัน เมื่อผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 2553 และผลตรวจ DNA ก็ไม่ตรงกัน
จุดพลิกผันที่สำคัญที่สุดของคดีเกิดขึ้นเมื่อผลการตรวจ DNA ที่พบบนขอบกางเกงของโทโมโกะ กลับไม่ตรงกับ DNA ของคนไทยที่เก็บตัวอย่างไปเลยแม้แต่คนเดียว แต่กลับมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มประชากรในหลายเชื้อชาติ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และอื่น ๆ ซึ่งเบาะแสนี้ได้เปลี่ยนทิศทางการสืบสวนไปอย่างสิ้นเชิง และนำไปสู่การประสานงานกับตำรวจสากลเพื่อติดตามผู้ต้องสงสัยชาวญี่ปุ่นรายหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ
เส้นทางการสืบสวนตลอด 17 ปี จึงเต็มไปด้วยความยากลำบากและซับซ้อน หลักฐานที่เคยคิดว่าชัดเจนกลับนำไปสู่ทางตันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ DSI ก็ยังคงไม่หมดหวัง และการประกาศตามหาพยานชาวฝรั่งเศสในครั้งล่าสุดนี้ คือความหวังครั้งใหม่ที่จะนำไปสู่การปิดฉากโศกนาฏกรรมที่ยืดเยื้อมาเกือบสองทศวรรษ

DSI ปล่อยเบาะแสใหม่ ล่าตัวพยาน คดีโทโมโกะ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เวลา 13.48 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ยกระดับการตามล่าหาพยานปากสำคัญในคดีฆาตกรรม น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเมื่อ 17 ปีก่อน โดยได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกชุดใหม่ พร้อมตั้งเงินรางวัลนำจับสูงถึง 2 ล้านบาท สำหรับผู้ที่สามารถให้เบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายตัวจริงได้
DSI ยังคงมุ่งเป้าไปที่การตามหา ชายชาวฝรั่งเศส ที่เชื่อว่าอยู่ในช่วงเวลาและสถานที่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคนร้าย โดยมีรูปพรรณเป็นชายยุโรป รูปร่างสูงผอม ผมสั้นสกินเฮด และพูดภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่งเศส เขาได้เช่ารถจักรยานยนต์ Honda Click สีฟ้าลายดำ จากร้าน Coffee Club ในตัวเมืองสุโขทัย ในช่วงเช้าของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 เวลาประมาณ 07.00 – 08.00 น.
เปิดรูปพรรณพยานสำคัญ ชายชาวฝรั่งเศส
- ชายชาวยุโรป ผิวขาว รูปร่างสูงผอม (ประมาณ 170-180 ซม.)
- อายุ (ในขณะนั้น) ประมาณ 35-40 ปี (ปัจจุบัน 53-58 ปี)
- ใบหน้า รูปวงรี ผมสั้นสกินเฮดสีดำหรือน้ำตาลเข้ม โหนกแก้มชัด จมูกโด่ง มีเคราสีดำ
- การแต่งกาย เสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงขาสั้นผ้าร่มสีดำ
- สำเนียง พูดภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่งเศส

ข้อมูลล่าสุดที่ DSI เปิดเผยเพิ่มเติมคือ ชายชาวฝรั่งเศสรายนี้อาจไม่ได้เดินทางคนเดียว แต่อาจมาพร้อมกับ หญิงชาวยุโรปผมสีทอง ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ ผมยาวเป็นลอน สวมเสื้อกล้ามสายเดี่ยวสีขาวและกระโปรงยาวสีเหลืองคล้ายผ้ามัดย้อม
นอกจากนี้ การสืบสวนยังชี้เป้าไปยังที่พักที่ทั้งคู่อาจเคยเข้าพัก คือ “Old City Guesthouse” หรือ “Witoon Guesthouse” ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเมืองเก่าสุโขทัย และคาดว่าทั้งสองคนได้เดินทางออกจากจังหวัดสุโขทัยมุ่งหน้าไปยังจังหวัดเชียงใหม่ด้วยรถโดยสารประจำทาง ในวันที่ 25 หรือ 26 พฤศจิกายน 2550

DSI จึงขอความร่วมมือจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการเกสต์เฮาส์, บริษัทรถทัวร์, หรือนักท่องเที่ยวที่เคยอยู่ในพื้นที่สุโขทัยและเชียงใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าว หากผู้ใดมีข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลทั้งสอง หรือมีเบาะแสอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคดี โปรดแจ้งข้อมูลได้ที่ นายสุวพิชญ์ มโนภาส หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน โทรศัพท์ 02-831-9888 ต่อ 50413 หรืออีเมล pind.wg.dsi@gmail.com

ญี่ปุ่นบี้คดี โทโมโกะ พ่อหวั่น หมดอายุความ 20 ปี
ตลอดระยะเวลา 17 ปี ที่ผ่านมา คดีฆาตกรรม น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ ไม่เพียงแต่เป็นฝันร้ายของครอบครัว แต่ยังเป็นเรื่องที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสำคัญและติดตามทวงถามความยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางการทูตในหลายระดับ
ที่ผ่านมา นายโอซามุ อิซาวะ อัครราชทูตที่ปรึกษาทางการเมืองของสถานทูตญี่ปุ่นฯ ได้เคยเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุที่วัดสะพานหิน เพื่อวางช่อดอกไม้แสดงความอาลัย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าทางการญี่ปุ่นไม่เคยลืมเลือนโศกนาฏกรรมครั้งนี้
นอกจากการแสดงความอาลัย ยังมีการทวงถามความคืบหน้าอย่างเป็นทางการ โดย นายชิโร ซาโดชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยในขณะนั้น ได้นำบิดาของโทโมโกะเข้าพบ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามและกำชับให้ทางการไทยเร่งรัดการดำเนินคดี
ประเด็นที่น่ากังวลใจที่สุดซึ่งบิดาของโทโมโกะได้หยิบยกขึ้นมาในวันนั้น คือเรื่อง “อายุความ” ของคดี ซึ่งตามกฎหมายไทยมีกำหนด 20 ปี และกำลังจะหมดลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เขากล่าวว่านี่คือเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นที่ไม่มีการกำหนดอายุความสำหรับคดีประเภทนี้ ทำให้ฆาตกรสามารถถูกนำตัวมาลงโทษได้ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
ความกังวลของครอบครัวและแรงผลักดันจากรัฐบาลญี่ปุ่น จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ DSI ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อเร่งคลี่คลายคดีนี้ให้ได้ ก่อนที่ความยุติธรรมจะเลือนหายไปพร้อมกับกาลเวลา
หมายเหตุ : ย้ำว่าบุคคลทั้งสองในประกาศเป็นเพียง พยานสำคัญ ที่ DSI ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อคลี่คลายคดี ไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีแต่อย่างใด
ประวัติ โทโมโกะ คาวาชิตะ
โทโมโกะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2523 ที่ประเทศญี่ปุ่น เธอคือหญิงสาวผู้มีความฝันและโลดแล่นอยู่ในแวดวงศิลปะการแสดงในฐานะ นักแสดงละครเวที
ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความหวังและความสดใส โดยมีนายยาซูอากิ และนางเอโกะ คาวาชิตะ เป็นบิดาและมารดาผู้ให้การสนับสนุน
แต่แล้วการเดินทางมายังประเทศไทยที่เธอรัก ก็ได้กลายเป็นเส้นทางสุดท้ายของชีวิต เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 โทโมโกะในวัยเพียง 27 ปี ได้ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมบริเวณทางขึ้นวัดสะพานหิน ในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
ผลชันสูตรระบุว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากภาวะช็อกจากการสูญเสียเลือดปริมาณมาก ทิ้งไว้เพียงความโศกเศร้าของครอบครัวและปริศนาคาใจคนไทยมานานถึง 17 ปี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- DSI ประกาศตามหา ชายฝรั่งเศส พยานปากเอก คดีฆ่า “โทโมโกะ” ตั้งรางวัล 2 ล้านบาท นำจับคนร้าย
- ฮุน เซน โพสต์อวด ความเจริญของ กัมพูชา ชาวไทยงง ภาพไหนอดีต รูปไหนปัจจุบัน
- พี่ฮง เดือด! แท็กซี่โกงน้องสาว อ้างเหมา 1,000 ท้าเรียก ตร.สุดท้ายขับหนี
- แทอิล รับสารภาพคดีข่มขืน อัยการชี้ไม่สำนึก-ปกปิดความผิด อาจเจอคุก 7 ปี
อ้างอิง : asahi, DSI, Wikipedia, Drama-addict
ติดตาม The Thaiger บน Google News: