รู้จัก ‘ศาลโลก’ ไทยถอนตัวแล้วจริงหรือ หลังกัมพูชาท้าตัดสินพิพาท “ช่องบก”

เปิดข้อมูล ‘ศาลโลก’ ไทยถอนตัวแล้วจริงหรือไม่ หลังสภากัมพูชามีมติเป็นเอกฉันท์ยื่นตัดสินข้อพิพาทดินแดน “ช่องบก” ย้อนคดีดัง เขาพระวิหาร ปมขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชานานนับทศวรรษ
จากกรณีที่ “สมเด็จฮุน เซน” ประธานวุฒิสภา และประธานรัฐสภากัมพูชา ได้กล่าวในที่ประชุมเกี่ยวกับข้อพิพาทเขตแดนกับไทยบริเวณสามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก) ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ที่ทางกัมพูชาต้องการให้ไทยร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก เพื่อเป็นการให้เกียรติประเทศเพื่อนบ้านในการร่วมกันคลี่คลายความขัดแย้ง โดยใช้วิธีการทางการทูต พร้อมขู่ว่าอาจเหมือนฉนวนกาซา หากไทยไม่ยอมขึ้นศาลโลก เพราะถือว่าไม่บริสุทธิ์ใจ ในตอนหนึ่ง สมเด็จฮุน เซน กล่าวอีกว่า MOU43 ที่ทั้งสองประเทศลงนามร่วมกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องเขตแดนนั้น ใช้ไม่ได้อีกต่อไป เนื่องจากยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ รวมทั้งการเสียชีวิตของทหารกัมพูชา 1 ราย ทำให้สภากัมพูชามีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบให้นายกฯ กัมพูชายื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
ในบทความนี้จะพาไปรูจักกับ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ ศาลโลก (World Court) ตั้งอยู่ที่ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1945 เป็นองค์กรตุลาการขององค์การสหประชาชาติ (UN) มีหน้าที่ตัดสินชี้ขาดคดีข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างรัฐต่าง ๆ เช่น ข้อพิพาทเรื่องดินแดนหรืออาณาเขต การละเมิดอำนาจอธิปไตย ปัญหาสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ หรือแม้แต่กรณีที่เกี่ยวข้องกับเอกชนซึ่งรัฐเป็นผู้ฟ้องแทน ฯลฯ กับการให้ความเห็นแนะนำทางกฎหมายแก่องค์กรต่าง ๆ และทบวงการชำนัญพิเศษต่าง ๆ ของสหประชาชาติ โดยคู่ความในคดีจะต้องเป็นรัฐเท่านั้น

ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีผู้พิพากษาจำนวน 15 คน โดยจะต้องเป็นผู้ได้รับการเลือกมาจากที่ประชุมของสมัชชาสหประชาชาติ (General Assembly) และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (Security Council) โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี และมีการจัดการเลือกตั้งทุก 3 ปี เพื่อสรรหาผู้พิพากษาเข้ามาใหม่ครั้งละ 5 คน ภาษาทางการที่ใช้ในศาลโลกคือ ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส โดยประธานศาลโลกคนปัจจุบันคือ ฮิซาชิ โอวาดะ
ย้อนคดีเขาพระวิหาร ศาลโลกตัดสิน ยกตัวปราสาทให้กัมพูชา
ประเทศไทยมีความเกี่ยวข้องกับศาลโลกเมื่อปี พ.ศ.2505 กรณีคดีปราสาทพระวิหาร ที่ประเทศกัมพูชาได้ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อเรียกร้องสิทธิเหนือปราสาทพระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอ้างอิงจากแผนที่ภาคผนวก 1 (Annex I Map) ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้น และระบุว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในดินแดนกัมพูชา

ส่วนไทยก็ต่อสู้ด้วยการนำแผนที่แสดงแนวเส้นเขตแดนฝรั่งเศส-สยามปี พ.ศ.2450 โดยไทยใช้แนวสันปันน้ำเป็นหลักแบ่งเส้นเขตแดน สุดท้ายศาลโลกมีคำตัดสินว่า ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในอาณาเขตกัมพูชา และไทยมีพันธะต้องถอนกำลังทหารหรือตำรวจที่ประจำอยู่ที่ปราสาทออกไป และคืนวัตถุโบราณที่นำออกจากปราสาทให้แก่กัมพูชา เนื่องจากไทยไม่ได้คัดค้านอย่างเป็นทางการเป็นเวลานาน
ในปี พ.ศ.2556 หลังจากที่กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี พ.ศ.2551 และเกิดเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ในปี พ.ศ.2554 กัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลกอีกครั้ง เพื่อตีความคำพิพากษาปี พ.ศ.2505 ว่าพื้นที่บริเวณโดยรอบปราสาทเป็นของประเทศใด และศาลโลกได้มีคำตัดสินว่า พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารนั้นเป็นของกัมพูชา
ส่วนประเด็นที่ว่า ไทยออกจากศาลโลกนั้น แท้จริงแล้ว ไทยได้ถอนคำยินยอมอำนาจศาลภาคบังคับ ตามมาตรา 36 วรรค 2 ของธรรมนูญศาลโลก ตั้งแต่หลังจากคดีปราสาทพระวิหารแล้ว แต่ ณ ปัจจุบันไทยยังไม่ได้ออกจากการเป็นภาคีของศาลโลกแต่อย่างใด ทำให้หากมีคดีพิพาทใหม่ใด ๆ เกิดขึ้นกับประเทศอื่น และไทยไม่ยินยอม ศาลโลกก็ไม่มีอำนาจบังคับให้ไทยต้องขึ้นศาลได้
สำหรับกรณีคดีปราสาทพระวิหารที่ไทยต้องขึ้นศาลโลกนั้น เนื่องจากไทยยอมรับอำนาจศาลโลกแล้วในคดีดังกล่าว และเมื่อคดีตัดสินแล้ว คำพิพาษามีผลต่อเนื่อง ดังนั้นในปี พ.ศ.2554 ที่กัมพูชายื่นตีความคำพิพากษาในคดีเก่านี้ ไทยจึงจำเป็นต้องไปขึ้นศาลโลก เพราะหากไทยไม่ไปขึ้นศาลโลก ศาลโลกอาจพิจารณาความจากกัมพูชาเพียงฝั่งเดียวได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ฮุนเซน ขู่ไทย หากไม่ขึ้นศาลโลก ชายแดนไทย-กัมพูชา อาจกลายเป็นฉนวนกาซ่า
- นายกฯกัมพูชา เตรียมฟ้องศาลโลก ปมตาเมือนธม-ช่องบก พร้อมรบหากถูกรุกล้ำ
- สมรภูมิ “ช่องบก” อยู่ที่ไหน? ทำไมเป็นข้อพิพาทชายแดน ไทย-กัมพูชา ปะทะไม่สิ้นสุด
ติดตาม The Thaiger บน Google News: