
คืบหน้ากรณีดราม่า เนสกาแฟ ล่าสุด ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ นัดไกล่เกลี่ยคดีเนสท์เล่ฟ้อง “ประยุทธ-เฉลิมชัย มหากิจศิริ” ละเมิดเครื่องหมายการค้า “เนสกาแฟ” แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ศาลจึงนัดกำหนดประเด็นข้อพิพาท 9 มิถุนายนนี้ เนสท์เล่เรียกค่าเสียหาย 577 ล้านบาท ขณะที่อีกคดี เนสท์เล่เดินหน้าขอศาลสั่งเลิกกิจการบริษัทร่วมทุน QCP
เนสท์เล่เรียกร้องค่าเสียหายรวม 577 ล้านบาท คำนวณจากความเสียหายที่ต้องหยุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนสกาแฟในไทย 8 วัน
ในวันเดียวกัน ศาลฯ มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ยืนยันว่า เนสท์เล่ (ไทย) เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายการค้า “Nescafe” และ “เนสกาแฟ” ในประเทศไทย
แม้ทั้งสองฝ่ายจะมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ย แต่นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ และตัวแทนเนสท์เล่ ไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจึงมีคำสั่งให้คู่ความเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีกำหนดประเด็นข้อพิพาทต่อไปในวันที่ 9 มิถุนายน 2568
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 เนสท์เล่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ขอให้ศาลสั่งเลิกกิจการบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ จำกัด (QCP) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเนสท์เล่และตระกูลมหากิจศิริในสัดส่วน 50:50 เหตุผลคือ กรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นไม่สามารถตกลงทิศทางธุรกิจได้ และ QCP ได้หยุดดำเนินงานทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 โดยไม่ได้ผลิตเนสกาแฟอีก
เนสท์เล่ขอให้ศาลแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีหรือผู้จัดการทรัพย์สินของ QCP โดยศาลแพ่งกรุงเทพใต้สืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้วเมื่อ 19 พฤษภาคม และนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 26 มิถุนายน 2568
เนสท์เล่ย้ำว่านายประยุทธและนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ไม่ใช่เจ้าของเครื่องหมายการค้า “เนสกาแฟ” แต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นใน QCP ซึ่งผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์เนสกาแฟระหว่างปี 2533 – 2567 โดยแบรนด์ เทคโนโลยี และการบริหารงานเป็นของเนสท์เล่ เนสท์เล่ยืนยันจะดำเนินการเลิกกิจการ QCP ให้ราบรื่น และยังคงเป็นผู้รับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่ที่สุดของไทย พร้อมลงทุนผลิตเนสกาแฟในไทยต่อไป
อ่านข่าวก่อนหน้านี้
- สรุปดราม่า เนสกาแฟขาดตลาด ศาลห้ามผลิตขาย เนสท์เล่ เตรียมค้าน เกิดอะไรขึ้น
- เนสกาแฟกลับมาขายได้แล้ว ศาลชี้ เนสท์เล่ถือสิทธิ์การค้าในไทย
- ศาลไต่สวนฉุกเฉินวันนี้ ชี้ชะตา เนสกาแฟ เนสท์เล่อ้าง เสียหายวันละ 68 ล้าน
- อ่านแถลงการณ์ เนสท์เล่ หลังกลับมาขาย ศาลฯ ชี้ สิทธิ์เจ้าเดียว
ติดตาม The Thaiger บน Google News: