ประวัติ พระสันตปาปาลีโอที่ 14 โป๊บองค์แรกจากอเมริกา

ประวัติ สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 ชีวิตในวัยเด็กที่สหรัฐฯ ก่อนอุทิศตนเป็นมิชชันนารีและพระสังฆราชในเปรูนานหลายปี สู่ประมุขแห่งคริสตจักรคาทอลิก พระองค์แรกจากอเมริกา
ก่อนที่พระองค์จะได้รับเลือกให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 สมเด็จพระคาร์ดินัลโรเบิร์ต ฟรานซิส เพรวอสต์ ทรงดำรงตำแหน่งสมณมนตรี แห่งสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช สำนักข่าวกรุงวาติกัน ได้รายงานพระประวัติของพระสังฆราชองค์ที่ 267 แห่งกรุงโรม ไว้น่าสนใจดังนี้

สร้างประวัติศาสตร์ โป๊บลีโอที่ 14 พระสันตปาปาองค์แรก ที่มาจากสหรัฐอเมริกา
สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่มาจากคณะนักบวชออกัสติเนียน ท่านยังเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่สองที่มาจากทวีปอเมริกา ต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส แต่แตกต่างจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (ยอร์เก มารีโอ แบร์โกกลิโอ) ท่านโรเบิร์ต ฟรานซิส เพรวอสต์ วัย 69 ปี มาจากอเมริกาเหนือ แม้ว่าท่านจะใช้เวลาหลายปีทำงานเป็นมิชชันนารีในประเทศเปรูก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นหัวหน้าใหญ่ของคณะออกัสติเนียนติดต่อกันสองสมัย
พระสันตะปาปาองค์ใหม่เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1955 เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา บิดาชื่อ หลุยส์ มาริอุส เพรวอสต์ มีเชื้อสายฝรั่งเศสและอิตาลี มารดาชื่อ มิลเดรด มาร์ติเนซ มีเชื้อสายสเปน ท่านมีพี่น้องชายสองคนชื่อ หลุยส์ มาร์ติน และจอห์น โจเซฟ
ท่านเติบโตมาพร้อมกับครอบครัว และเรียนที่สามเณราลัยของคณะออกัสติเนียนก่อน จากนั้นไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยวิลลาโนวา รัฐเพนซิลเวเนีย ในปี ค.ศ. 1977 ท่านเรียนจบปริญญาตรีสาขาคณิตศาสตร์ และยังได้เรียนปรัชญาด้วย

วันที่ 1 กันยายน ปีเดียวกัน ท่านได้เข้าบ้านเณรปีแรกของคณะนักบวชนักบุญออกัสติน ที่เมืองเซนต์หลุยส์ และได้ปฏิญาณตนครั้งแรกในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1978 และปฏิญาณตนถาวรในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1981
ท่านเรียนเทววิทยาที่ Catholic Theological Union ในชิคาโก เมื่ออายุ 27 ปี ผู้ใหญ่ในคณะได้ส่งท่านไปกรุงโรมเพื่อเรียนกฎหมายศาสนจักรที่มหาวิทยาลัย Pontifical University of Saint Thomas Aquinas (Angelicum)
ที่กรุงโรม ท่านได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์ในวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 1982 ที่ Augustinian College of Saint Monica โดยอาร์คบิชอปฌอง จาโดต์ ซึ่งตอนนั้นดูแลหน่วยงานวาติกันด้านการเสวนากับศาสนาอื่นๆ
ปี ค.ศ. 1984 ท่านได้ปริญญาโท และในปีต่อมา ขณะเตรียมวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก ท่านถูกส่งไปทำงานมิสซังของคณะออกัสติเนียนที่เมืองชูลูคานัส ประเทศเปรู (ค.ศ. 1985–1986) ในปี ค.ศ. 1987 ท่านทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่อง “บทบาทของหัวหน้าบ้านประจำท้องถิ่นในคณะนักบวชนักบุญออกัสติน” และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการดูแลเรื่องกระแสเรียกและผู้อำนวยการดูแลงานมิสซังของแขวงออกัสติเนียนในรัฐอิลลินอยส์
ทำงานมิสซังในประเทศเปรู
ในปีต่อมา ท่านไปทำงานที่มิสซังในเมืองตรูฮิโย ประเทศเปรู ท่านช่วยดูแลโครงการฝึกอบรมผู้สมัครเข้าคณะออกัสติเนียนจากหลายพื้นที่
ตลอดเวลาสิบเอ็ดปีที่นั่น ท่านเป็นหัวหน้าบ้าน (ค.ศ. 1988–1992), ผู้อำนวยการอบรม (ค.ศ. 1988–1998) และอาจารย์สอนสมาชิกที่ปฏิญาณตนแล้ว (ค.ศ. 1992–1998) นอกจากนี้ ในอัครสังฆมณฑลตรูฮิโย ท่านยังเป็นผู้พิพากษาศาลศาสนจักร (ค.ศ. 1989–1998) และอาจารย์สอนกฎหมายศาสนจักร เทววิทยาที่สามเณราลัย ในเวลาเดียวกัน ท่านก็ดูแลงานอภิบาลที่วัดแห่งหนึ่ง (ต่อมาเป็นวัดนักบุญริตา) ในชุมชนแออัด และยังดูแลวัดอีกแห่งหนึ่ง (วัดแม่พระแห่งมองแซร์รัต) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 ถึง 1999
ในปี ค.ศ. 1999 ท่านได้รับเลือกเป็นหัวหน้าแขวงออกัสติเนียนในชิคาโก และอีกสองปีครึ่งต่อมา ที่ประชุมใหญ่ของคณะนักบวชนักบุญออกัสติน ก็เลือกท่านเป็นหัวหน้าใหญ่ของคณะ และได้เลือกซ้ำอีกครั้งในปี ค.ศ. 2007 เป็นสมัยที่สอง
ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2013 ท่านกลับมาที่แขวงออกัสติเนียนในชิคาโก ทำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายอบรม เป็นที่ปรึกษา และเป็นรองหัวหน้าแขวง ท่านทำงานเหล่านี้จนกระทั่งสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงแต่งตั้งท่านในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 ให้เป็นผู้ดูแลชั่วคราวของสังฆมณฑลชิคลายโย ประเทศเปรู และทรงเลื่อนฐานะท่านเป็นพระสังฆราชเกียรตินาม (ตำแหน่งพระสังฆราชที่ไม่ได้ปกครองสังฆมณฑลจริง)
ท่านเข้ารับตำแหน่งในสังฆมณฑลเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน โดยมีอัครสมณทูต (ทูตวาติกัน) เจมส์ แพทริก กรีน ร่วมด้วย ท่านเจมส์ แพทริก กรีน เป็นผู้โปรดศีลอภิเษกให้ท่านเป็นพระสังฆราชในอีกหนึ่งเดือนต่อมา คือวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันฉลองแม่พระแห่งกัวดาลูป ที่อาสนวิหาร
คติพจน์ของท่านในฐานะพระสังฆราชคือ “In Illo uno unum” แปลว่า “ในพระองค์เดียว เราก็เป็นหนึ่งเดียว” ซึ่งเป็นคำพูดของนักบุญออกัสติน เพื่ออธิบายว่า แม้คริสตชนจะมีมากมาย แต่ในพระคริสต์ เราก็เป็นหนึ่งเดียวกัน

พระสังฆราชแห่งชิคลายโย ประเทศเปรู ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 ถึง ค.ศ. 2023
วันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 2015 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงแต่งตั้งท่านเป็นพระสังฆราชแห่งชิคลายโย ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2018 ท่านได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งเปรู ท่านยังเป็นสมาชิกสภาเศรษฐกิจและประธานคณะกรรมการวัฒนธรรมและการศึกษาของสภาด้วย
ปี ค.ศ. 2019 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงแต่งตั้งท่านเป็นสมาชิกหน่วยงานของวาติกันที่ดูแลเรื่องพระสงฆ์ (13 กรกฎาคม ค.ศ. 2019) และในปี ค.ศ. 2020 เป็นสมาชิกหน่วยงานที่ดูแลเรื่องพระสังฆราช (21 พฤศจิกายน) ระหว่างนั้น ในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2020 ท่านยังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ดูแลชั่วคราวของสังฆมณฑลกัลเยา ประเทศเปรูด้วย
ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2023 สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเรียกท่านมาที่กรุงโรม เพื่อเป็นหัวหน้าหน่วยงานที่ดูแลเรื่องพระสังฆราช (Prefect of the Dicastery for Bishops) และประธานคณะกรรมาธิการพิเศษของสมเด็จพระสันตะปาปาสำหรับลาตินอเมริกา พร้อมทั้งทรงเลื่อนฐานะท่านขึ้นเป็นอาร์คบิชอป
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงแต่งตั้งท่านเป็นพระคาร์ดินัลในการประชุมของพระคาร์ดินัลเมื่อวันที่ 30 กันยายน ปีนั้น และมอบโบสถ์นักบุญโมนิกาในกรุงโรมให้เป็นตำแหน่งประจำของท่าน ท่านเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 2024
ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานของวาติกัน ท่านได้ร่วมเดินทางไปกับสมเด็จพระสันตะปาปาในการเดินทางต่างๆ และเข้าร่วมการประชุมใหญ่ของพระสังฆราชทั่วโลกเรื่อง “กระบวนการแห่งซีน็อด” ทั้งสองรอบ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโรม ระหว่างวันที่ 4-29 ตุลาคม ค.ศ. 2023 และ 2-27 ตุลาคม ค.ศ. 2024

นอกจากนี้ ในวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2023 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังทรงแต่งตั้งท่านเป็นสมาชิกของหน่วยงานต่างๆ ในวาติกันอีกหลายแห่ง เช่น หน่วยงานเพื่อการประกาศข่าวดี หน่วยงานเพื่อหลักข้อเชื่อ หน่วยงานเพื่อศาสนจักรตะวันออก หน่วยงานเพื่อพระสงฆ์ หน่วยงานเพื่อนักบวช หน่วยงานเพื่อวัฒนธรรมและการศึกษา หน่วยงานเพื่อกฎหมายศาสนจักร และคณะกรรมาธิการสำหรับนครรัฐวาติกัน
ล่าสุด ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปีนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเลื่อนฐานะท่านขึ้นสู่กลุ่มพระคาร์ดินัลสังฆราช โดยมอบตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับโบสถ์แห่งหนึ่งในย่านอัลบาโน
3 วันต่อมา ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ท่านได้ร่วมถวายมิสซาซึ่งมีสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเป็นประธาน ที่จัตุรัสนักบุญเปโตร เพื่อฉลองปีศักดิ์สิทธิ์สำหรับกองทัพ ซึ่งเป็นหนึ่งในงานใหญ่ของปีศักดิ์สิทธิ์แห่งความหวัง

ในช่วงที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล “เจเม็ลลี” ครั้งล่าสุด ท่านเพรวอสต์ได้เป็นผู้นำภาวนาลูกประคำเพื่อสุขภาพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่จัตุรัสนักบุญเปโตร เมื่อวันที่ 3 มีนาคม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดหนังสือลับวาติกัน ทำนายใกล้วันสิ้นโลก โยงขนลุก อาการประชวรโป๊บฟรานซิส
- โป๊บฟราสซิส ปรากฎตัวครั้งแรก หลังป่วยหนัก 38 วัน โบกพระหัตถ์ให้ประชาชน
- บริษัทผลิตของเล่นดัง โร่ขอโทษ พลาดพิมพ์ลิงค์เว็บโป๊บนกล่องของเล่น
ติดตาม The Thaiger บน Google News: