ประวัติ ทราย สก๊อต ทายาทสิงห์รุ่น 4 รักษ์ทะเลไทยยิ่งชีพ ลูกชาย จีรานุช ภิรมย์ภักดี ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ในแวดวงสังคมไฮโซ สิรณัฐ ทราย สก็อต หนุ่มลูกครึ่งไทย-สกอตแลนด์ วัย 26 ปี รู้จักในฐานะทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล “ภิรมย์ภักดี” แห่ง สิงห์ คอร์เปอเรชั่น แต่ในมุมนอกชุดสูท ทรายถูกจดจำในฐานะนักอนุรักษ์ทางทะเลผู้มีหัวใจทุ่มเท นักกีฬาว่ายน้ำสุดทรหด ศิลปินผู้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อม
จุดเริ่มต้น ทราย สก๊อต ความผูกพันกับน้ำ แรงบันดาลใจจากคุณตา
- ชื่อจริง: สิรณัฐ สก๊อต
- ชื่อเล่น: ทราย
- เชื้อชาติ: ลูกครึ่งไทย-สก็อตแลนด์
- เฟซบุ๊ก: ทราย – Merman Ψ
- ประวัติครอบครัว: ทายาทรุ่นที่ 4 ของ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น เป็นลูกชายของ จีรานุช ภิรมย์ภักดี กับอดีตสามีชาวสก็อต มีพี่ชาย 1 คนคือ พาย-สุนิษฐ์ สก็อต มีศักดิ์เป็นหลานตาของ จำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด
ทรายเติบโตมาในครอบครัวที่ผูกพันกับน้ำ ทั้งในเชิงธุรกิจและชีวิตส่วนตัว ความรักและความใกล้ชิดกับทะเลไทยจึงซึมซับอยู่ในตัวเขาตั้งแต่เด็ก ทรายเป็นบุตรชายคนเล็กของ คุณน้อง-จีรานุช ภิรมย์ภักดี (บุตรีคนกลางของเจ้าสัวจำนงค์ กับคุณหญิงสุภัจฉรี ภิรมย์ภักดี และเป็นน้องสาวของคุณนิดหน่อย-จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี) กับสามีชาวสกอตแลนด์ มีพี่ชายหนึ่งคนคือ คุณพาย-สุนิษฐ์ สก็อต
บุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดการเป็นนักอนุรักษ์ของทรายคือ คุณตา-จำนงค์ ภิรมย์ภักดี ผู้ซึ่งเลี้ยงดูปลูกฝังเรื่องความเท่าเทียม การให้เกียรติผู้อื่น ไม่เอาเปรียบใคร โดยเฉพาะผู้ที่ดูแลเรา “คุณตามักจะสอนว่า ทุกๆ คนมีความเท่าเทียมกัน เราไม่มีสิทธิที่จะเอาเปรียบใคร…ยิ่งเขาเป็นคนที่ดูแลเรา เรายิ่งต้องใส่ใจและดูแลเขาเช่นเดียวกัน” คำสอนนี้ ประกอบกับความรักในทะเล ตระหนักถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมที่เขาสัมผัสมาตั้งแต่เด็ก พอเราไปเห็นคนที่ทรายรักเขาดิ้นรน ทรายสัมผัสได้ตั้งแต่เด็กว่า ความไม่เท่าเทียมนี้มันทำให้คนอื่นเจ็บปวดขนาดไหน” ผลักดันให้ทรายเลือกเส้นทางที่จะ “เอามือไปกอดคน กอดทะเลมากกว่ามาจับเงิน
ก้าวสู่การเป็นนักอนุรักษ์ ก่อตั้ง Sea You Strong
ด้วยใจรักทะเล ปรารถนาจะเห็นท้องทะเลไทยกลับมาสวยงาม ทรายเริ่มต้นก้าวสู่การเป็นนักอนุรักษ์ตั้งแต่อายุประมาณ 20 ปี เขาใช้เวลาว่างส่วนใหญ่กับกีฬาเอ็กซ์ตรีมทางน้ำ ทำให้ได้เห็นสภาพชายหาดและโลกใต้ทะเลที่น่าเป็นห่วง เต็มไปด้วยขยะและมลพิษ
ทรายจึงก่อตั้งโครงการ Sea You Strong ขึ้น เพื่อเป็นกระบอกเสียงของธรรมชาติ สร้างสรรค์กิจกรรมปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ท้องทะเลไทย โดยเน้นการทำงานร่วมกับเยาวชนและชุมชนท้องถิ่น
ภารกิจแรกๆ ของทรายคือการลงพื้นที่เก็บขยะที่ หาดสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนจะขยายไปชวนเด็กๆ จาก 12 โรงเรียนมาร่วมกันทำความสะอาดที่ หาดยาว จ.กระบี่
ต่อมาในช่วงปลายปี 2563 Sea You Strong ได้ร่วมมือกับ ‘สิงห์อาสา’ โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผ่านโครงการ Sea Sand Strong จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนแก่นักเรียนและชาวบ้านในพื้นที่หาดสนหนาและหาดยาว จ.กระบี่ พร้อมเก็บขยะริมหาด นำไปคัดแยกและรีไซเคิล
ทรายตระหนักดีว่าขยะที่เก็บได้ส่วนใหญ่มาจากบ้านเรือนและการท่องเที่ยว เช่น โฟม ถุงพลาสติก ขวดน้ำ ซึ่งสามารถควบคุมได้หากมีการจัดการที่ดีตั้งแต่ต้นทาง “ขยะนับพันถุงที่เก็บมา สามารถนำไปรีไซเคิลได้แค่ 1% เราอยากให้เด็ก ๆ รู้ว่าการมาตามเก็บมันเหนื่อย และเมื่อทำสำเร็จจะเห็นว่ามันสะอาดขนาดไหน”
ทรายเน้นย้ำว่าภารกิจนี้ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาที่ต้นทาง คือการแยกขยะที่บ้านและรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองบริโภค การทำงานนี้แม้ไม่ได้ผลตอบแทนเป็นตัวเงิน แต่ความสุขของทรายคือการได้ลงมือทำ ได้เห็นปัญหา ได้ช่วยแก้ไข ได้พูดคุยและทำกิจกรรมกับเด็กๆ
จากความทุ่มเทนี้ ทำให้ทรายได้รับรางวัล HELLO! Kindness 2021
ว่ายน้ำข้ามทะเล ถ่ายภาพยนตร์สั้น Merman
ราวปลายปี 2565 ในฐานะแชมป์ในการแข่งขันว่ายน้ำทะเลเปิด ระยะทาง 10 กิโลเมตร ในรุ่นอายุ 20-29 ปี ทรายสร้างจิตสำนึกให้คนไทยด้วยการ ว่ายน้ำเดี่ยวไป-กลับ ระหว่างหาดอ่าวนางและเกาะปอดะ จ.กระบี่ ด้วยตัวเปล่า เป็นระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมง
คลิปวิดีโอการว่ายน้ำครั้งนี้กลายเป็นไวรัล มีผู้กดไลค์นับแสนครั้ง ทำให้ทายาทสิงห์ รุ่น 4 ได้รับการขนานนามว่าเป็น “อควาแมนเมืองไทย”
การมีมานะว่ายน้ำไกลขนาดนี้ได้เพราะทรายผูกพันกับทะเลอย่างลึกซึ่งมากความผูกพันอันลึกซึ้งที่เขามีต่อท้องทะเล “ทรายรู้สึกว่าเข้าใจทะเล โดยไม่ต้องพยายาม การว่ายน้ำ สำหรับทรายจะเรียกว่าเป็นพรสวรรค์ก็ได้”
ทรายสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านแอนิเมชั่น ภาพยนตร์และวิดีโอจาก California Institute of the Arts (CalArts) ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้ใช้ทักษะด้านภาพยนตร์ที่ร่ำเรียนมา สร้างสรรค์ หนังสั้นเชิงอนุรักษ์เรื่อง ‘Merman – Ocean Pollution Film’ โดยเขารับบทเป็น “มนุษย์เงือก” ด้วยตัวเอง
หนังสั้นตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวความสวยงามและความมืดมนใต้ท้องทะเล ผลกระทบจากขยะพลาสติกและการทำประมงแบบลากอวนที่ทำลายล้างสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศ หนังสั้นเรื่องนี้โดดเด่นด้วยการถ่ายทำใต้ทะเลลึกจริง (กว่าครึ่งหนึ่งถ่ายทำที่ความลึก 20 เมตร) โดยไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก และใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น ซึ่งต้องอาศัยทักษะการดำน้ำขั้นสูงและความกล้าหาญอย่างมาก
“มีหนังเพียงไม่กี่เรื่องที่ถ่ายทำในท้องทะเลลึกจริงๆ…ผมต้องมีถังออกซิเจนสำรองที่พร้อมให้ใช้หายใจระหว่างถ่ายทำ” หนังสั้นเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีผู้เข้าชมบน YouTube มากกว่าแสนครั้ง
ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ สานต่อภารกิจพิทักษ์ทะเล
ด้วยความมุ่งมั่น ผลงานประจักษ์จริงในความรักทะเล ทำให้ทรายได้รับโอกาสดำรงตำแหน่ง “ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” (ข้อมูล ณ พฤษภาคม 2567) ซึ่งทรายมองว่าเป็นงานที่ตอบโจทย์และ “เกินฝัน” แม้เนื้องานหลักจะยังคงเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทะเล แต่บทบาทนี้เปิดโอกาสให้เขานำสิ่งที่พบเจอจากการลงพื้นที่ไปสื่อสารกับผู้บริหารระดับสูง ได้เข้าไปอยู่ในระบบการทำงาน ผลักดันการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเข้มข้นขึ้น
ทรายย้ายไปอาศัยอยู่ที่ภาคใต้เป็นหลัก ทำงานแบบ “ออฟฟิศคือท้องทะเล” ใช้วิธี ว่ายน้ำสำรวจ เกาะและทะเลต่างๆ แทนการนั่งเรือ ซึ่งทำให้เข้าใจสภาพพื้นที่และปัญหาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น “อารมณ์เหมือนคนที่ไปเดินสยามพารากอนจริงๆ แล้วมาเล่า ไม่ใช่แค่ขับรถผ่าน”
ภายใน 3-4 เดือนแรก ทรายตระเวนลงพื้นที่ไปแล้วกว่า 52 เกาะ ทำงานหลากหลายมิติ ตั้งแต่การดูแลความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ การผลักดันเรื่องประกันภัยใต้ทะเล การเป็นปากเสียงให้ชาวบ้าน ไปจนถึงการวางแผนจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น การจัดระเบียบการจราจรทางเรือที่อ่าวปิเละ เกาะพีพี หรือการว่ายน้ำสำรวจรอบเกาะสิมิลันเพื่อทำแผนที่ขยะใต้น้ำ
ล่าสุด ข้อมูล ณ เมษายน 2568มีรายงานว่าทรายได้ ยุติบทบาทการเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ แล้ว โดยเขาได้โพสต์ข้อความว่า “ผมเลือกที่เสียสละงานที่ผมรักกับตำแหน่ง ของผม เพื่อโอกาสที่จะสะท้อนเรื่องจริงของ ปัญหาทะเลทางภาคใต้ เหนือกว่าตำแหน่ง ผมคือความรักที่ผมมีต่อทะเล…ผมเดินต่อครับ”
พร้อมภาพแชตไลน์ที่ส่งถึงอธิบดี แสดงความเข้าใจหากจะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง และขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้คาดว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเกิดมาจาก เขาเผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ ปะทะคารมกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ บนเรือที่เกิดเครื่องยนต์เสีย ชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวได้แสดงพฤติกรรมเหยียดผิวด้วยการพูดคำว่า “หนีเห่า” ใส่เขาอย่างหยาบคาย
ทรายได้ตักเตือนและสั่งให้เรือกลับเข้าฝั่งเพื่อพูดคุย อธิบายว่าการกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในสังคมไทย เขาให้เหตุผลในการเผยแพร่คลิปว่า เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ไทย และย้ำว่า “แม้เขาจะมาเที่ยวประเทศเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิทธิ์เหยียดคนไทย” เหตุการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำจุดยืนของทรายในการต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความเท่าเทียม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ประวัติ ซุง ศตาวิน ยูทูปเบอร์ชื่อดัง 3.7 ล้านซับ โปรไฟล์ไม่ธรรมดา
- ประวัติ อิ๊ง ชยธร จากยูทูบเบอร์ พลิกหลังกล่อง สู่เจ้าของแบรนด์สกินแคร์ INGU
- ประวัติ มาดามเมนี่ ดร.วาสนา CEO สุดแกร่ง นักปั้นมือทองแห่งวงการธุรกิจความงาม
ข่าวล่าสุด
