การเงินเศรษฐกิจ

ศาลไต่สวนฉุกเฉินวันนี้ ชี้ชะตา เนสกาแฟ เนสท์เล่อ้าง เสียหายวันละ 68 ล้าน

เนสท์เล่ยื่นศาลแพ่งมีนบุรี เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว หลังสูญรายได้วันละเกือบ 70 ล้าน ผู้ประกอบการ-เกษตรกรอ่วม

จับตาใกล้ชิด วันนี้ (17 เม.ย. 68) ศาลแพ่งมีนบุรีกำหนดนัดไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อพิจารณาคำร้องของ บริษัท เนสท์เล่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งห้ามมิให้บริษัทฯ ผลิต จำหน่าย หรือนำเข้าผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า Nescafé และ เนสกาแฟ ในประเทศไทย นับเป็นยกสำคัญของข้อพิพาททางกฎหมายที่เขย่าวงการกาแฟและธุรกิจอาหารครั้งใหญ่ข่าวที่เกี่ยวข้อง

การไต่สวนฉุกเฉินครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายกฎหมายของเนสท์เล่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อต่อสู้กับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน และส่งผลให้การดำเนินธุรกิจเนสกาแฟของเนสท์เล่ในประเทศไทยต้องหยุดชะงักลงทันที โดยก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 4 เมษายน เนสท์เล่ก็ได้ออกจดหมายแจ้งคู่ค้าว่าจะไม่สามารถรับคำสั่งซื้อได้

ในคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งฯ เนสท์เล่ระบุว่า คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวกำลังสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องและเป็นวงกว้างต่อทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ, ซัพพลายเออร์วัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์, ไปจนถึงผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ร้านค้ารถเข็น และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ โดยประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 68.7 ล้านบาทต่อวัน ทั้งนี้ เนสท์เล่ได้เตรียมพยานรวม 11 ปาก เพื่อเข้าให้การยืนยันถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นจริง

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าฝ่ายโจทก์ ซึ่งเป็นตัวแทนของ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ และตระกูลมหากิจศิริ อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ผู้ผลิตเนสกาแฟเดิม ก็เตรียมยื่นคำร้องคัดค้านการขอเพิกถอนของเนสท์เล่ พร้อมนำพยานเข้าสืบในวันเดียวกัน โดยยังคงยืนยันในความชอบธรรมของคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ศาลได้มีคำสั่งออกมาก่อนหน้านี้

สำหรับปมขัดแย้งครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่เนสท์เล่ได้แจ้งยุติสัญญาทางธุรกิจกับ ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด หรือ QCP โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นไปตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลอนุญาโตตุลาการสากล ที่เนสท์เล่อ้างว่าตนเป็นฝ่ายชนะคดี และตระกูลมหากิจศิริได้เข้าร่วมในกระบวนการไต่สวนด้วย

คดีความระหว่างเนสท์เล่และตระกูลมหากิจศิริครั้งนี้ กำลังเป็นที่จับตามองอย่างยิ่งยวดจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นแวดวงธุรกิจ, อุตสาหกรรมกาแฟ, ภาคเกษตรกรรม และผู้บริโภค เนื่องจากผลการพิจารณาของศาลจะมีนัยยะสำคัญต่อทิศทางตลาดกาแฟในประเทศไทย และอนาคตของแบรนด์ “เนสกาแฟ” ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button